Last updated: 19 ต.ค. 2568 | 43 จำนวนผู้เข้าชม |
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม 2025 แบรนด์นาฬิกาโอเรียนท์ สตาร์ (ORIENT STAR) ได้จัดงานเปิดตัวเรือนเวลาคอลเลคชั่นคลาสสิก M45 ใหม่ล่าสุดในซีรีส์ Moon Phase Mechanical ถึง 2 คอลเลคชั่นด้วยกันโดยใช้ชื่องานว่า “Orient Star The Moon Charisma” หรือมนต์เสน่ห์แห่งดวงจันทร์และดวงดาว ซึ่งถือเป็น Exclusive Timepiece ภายในงาน Central International Watch Fair 2025 ณ บริเวณโซนนาฬิกา ชั้น 2 ถือว่าเป็นการเปิด Pop Up Orient Star ครั้งแรกในประเทศไทยได้อย่างสวยงาม โดยที่ Pop Up นั้นได้มีการจัดแสดงซีรีส์ของ Moon Phase Mechanical คอลเลคชั่น M45 สองรุ่นใหม่ล่าสุดเป็นครั้งแรกอีกด้วย
จากซ้าย: คุณมิ้นท์ อรชพร ชลาดล, คุณวราภรณ์ ตันติวงษากิจ, คุณคม สัจจวโรดม, คุณยุทธพล ตันติวงษากิจ,
คุณศิริพร ลิจุติภูมิ, คุณเป๋า วฤธ หงสนันทน์, คุณเอิร์ธลี ภูมิวรัชญ์ กมนมาศ, คุณไบร์ท ธนพล อภิสุทธิไมตรี
สำหรับการจัดงานครั้งนี้ได้รับเกียรติจากท่านผู้บริหารระดับสูงคือคุณยุทธพล ตันติวงษากิจ กรรมการผู้จัดการ ยูไนเต็ดกรุงทองเทรดดิ้ง (UKT) ผู้แทนจำหน่ายนาฬิกาโอเรียนท์ สตาร์ แต่ผู้เดียวในประเทศไทย และคุณคม สัจจวโรดม ผู้จัดการแบรนด์โอเรียนท์ สตาร์ กับคณะผู้บริหารเข้าร่วมงานและให้การต้อนรับคุณศิริพร ลิจุติภูมิ Omnichannel Category Director - Luxury, Young Fashion and Watches ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล พร้อมแขกผู้มีเกียรติและคณะสื่อมวลชนทุกท่านที่เข้าร่วมงานในครั้งนี้ โดยมีคุณคม สัจจวโรดมได้ขึ้นกล่าวขอบคุณแขกทุกท่านที่ได้ให้เกียรติเข้าร่วมชมงาน และการจัดงานในครั้งนี้ยังได้รับเกียรติจาก คุณมิ้นท์ อรชพร ชลาดล ผู้ประกาศข่าวไทยรัฐทีวี มาเป็นพิธีกรตลอดการจัดงาน
แบรนด์นาฬิกาโอเรียนท์ สตาร์ นับว่าเป็นเรือนเวลาชั้นเยี่ยมที่นักสะสมชาวไทยรู้จักและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีเรือนเวลาแบรนด์นี้ถูกรังสรรค์โดยช่างฝีมือชาวญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 1951 จนมาถึงวันนี้ แบรนด์โอเรียนท์ สตาร์ ก็ยังคงเปล่งประกายด้วยงานสร้างสรรค์จากนวัตกรรมและเทคโนโลยี รวมไปถึงการออกแบบเรือนเวลาอันมีเอกลักษณ์ที่งดงามจากทักษะแบบดั้งเดิมด้วยงานฝีมืออันประณีตและกลไกที่มีคุณภาพสูง ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนานนั้นล้วนถูกนำมาผสมผสานเข้าด้วยกันเพื่อสร้างนาฬิการุ่นพิเศษที่พร้อมจะส่งมอบผลงานสร้างสรรค์เหล่านี้ในญี่ปุ่นและทุกประเทศทั่วโลก
สำหรับเรือนเวลาคอลเลคชั่นแรกที่เป็นดั่งดวงจันทร์ดวงใหม่อันสวยเด่นเป็นพิเศษในงานนี้ก็คือ Orient Star M45 F8 Mechanical Moon Phase Hand Winding เป็นนาฬิการุ่นใหม่ที่มีด้วยกัน 2 รุ่นคือแบบรุ่นธรรมดา และรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นโดยเป็นคอลเลคชั่นคลาสสิก M45 แบบกลไกฟังก์ชั่น Moon Phase ขนาด 39.5 มม. ที่สะท้อนความงดงามของอวกาศและการเดินทางของเวลาอันไม่มีที่สิ้นสุดผ่านเรื่องราวของกลุ่มดาวไพลยาดีส ด้วยดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังในธีมที่ว่า “ความงดงามแห่งการเดินทางของเวลา” โดดเด่นด้วยเข็มชั่วโมงและนาทีที่บอกเวลาได้อย่างชัดเจน พร้อมทั้งฟังก์ชั่นบอกพลังงานสำรองและแสดงช่วงเวลาข้างขึ้น-ข้างแรมซึ่งต่างก็เป็นเอกลักษณ์ของโอเรียนท์ สตาร์ นาฬิกาทั้งสองรุ่นใหม่นี้มาพร้อมดีไซน์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยในรุ่นธรรมดาจะมีหน้าปัดสีขาวแสดงภาพพระจันทร์ส่องแสงในความเงียบสงบของค่ำคืน ลายรัศมีที่มีเส้นสายอันละเอียดบนหน้าปัดและได้รับการเคลือบหนาแบบพิเศษด้วยเทคนิคการหุ้ม ขับให้เข็มทรงใบไม้สีฟ้าสดใสมีความโดดเด่นอยู่บนพื้นหลังที่เปล่งประกายอย่างหรูหรา เข็มนาทียาวที่ทอดตัวไปจนถึงสเกลบนขอบหน้าปัด พร้อมปลายเข็มที่มีปลายงุ้มล้อกับส่วนโค้งของกระจกสะท้อนความรู้สึกของเวลาที่เคลื่อนไหวอย่างช้าๆ โดยไม่มีเข็มวินาทีและสเกลบนฟังก์ชั่นบอกพลังงานและหน้าต่างแสดงข้างขึ้น-ข้างแรมมารบกวนสายตา เสริมความงามด้วยกระจกแซฟไฟร์แบบโค้งทั้งด้านนอกและด้านในพร้อมการเคลือบสารกันแสงสะท้อน (SAR coating) ช่วยให้มองดูหน้าปัดอันงดงามได้อย่างเต็มตา และสำหรับรุ่นพิเศษ! ลิมิเต็ดอิดิชั่นจะมีจำนวนเพียง 140 เรือนเท่านั้น มาในรูปแบบหน้าปัดสีเทาแบบไล่เฉดแสดงภาพของกลุ่มดาวไพลยาดีสและพระจันทร์ที่เรืองแสงอย่างลึกลับในความมืด เป็นการนำเสนอธีมของการซ้อนทับกันของพระจันทร์และกลุ่มดาวเป็นครั้งที่สองหลังจากที่เคยปรากฏในรุ่น M45 F7 Mechanical Moon Phase ในปี 2024 หน้าปัดรุ่นใหม่นี้มีลายพิมพ์ที่แสดงถึงดวงดาวนับไม่ถ้วนของกลุ่มดาวไพลยาดีสผ่านการใช้สีเทาไล่เฉดจากตรงกลางไปยังขอบด้านนอกด้วยเทคนิคการใช้สีเฉพาะตัวเพิ่มความหมายอันลึกซึ้งให้กับภาพลักษณ์ หน้าปัดที่ให้ความมันวาวและมีความหนาใสที่เป็นผลมาจากการใช้เทคนิคการหุ้มด้วยแผ่นฟิล์มแสดงให้เห็นถึงภาพของอวกาศอันกว้างใหญ่และมีความลึกอย่างไม่มีที่สิ้นสุด บนหน้าปัดยังมีการพิมพ์ตัวเลขโรมันและรายละเอียดต่างๆ ด้วยหัวพิมพ์แพด (pad printing) ซ้อนทับกันหลายชั้น เพื่อสร้างมิติและเงา เข็มบอกเวลาสีเทาถูกออกแบบมาให้มีพื้นผิวที่แตกต่างกันทั้งแบบขัดเงาและปัดด้านแบบแฮร์ไลน์รวมถึงจุดเล็กๆ สีเงินที่ส่องประกายราวกับดวงดาวอันเรืองรองอยู่ภายในกลุ่มดาวไพลยาดีส และหัวใจของ Orient Star M45 F8 Mechanical Moon Phase Hand Winding นี้คือการเปิดตัวครั้งแรกกับรหัสเครื่องรุ่นใหม่อย่าง In-House Caliber F8A62 ที่มอบพลังงานสำรองยาวนานถึง 70 ชั่วโมงที่ได้ถูกพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษด้วยการใช้กลไกแบบขึ้นลานด้วยมือและบอกเวลาแบบ 2 เข็ม ซึ่งสอดคล้องกับธีมของความเรียบง่ายแต่ยังคงความคลาสสิกไว้อย่างลงตัว เสริมความแม่นยำและประสิทธิภาพในการทำงานด้วยชิ้นส่วนจักรเหล็กที่ผลิตด้วยซิลิคอน (Silicon Escape Wheel) ให้พลังงานสำรองนานถึง 70 ชั่วโมง เครื่องคาลิเบอร์ F8A62 ได้รับการเสริมคาแรคเตอร์ด้วยรายละเอียดของงานดีไซน์ในส่วนต่างๆ อาทิ การเว้นพื้นที่บางส่วนของสะพานจักรบริเวณจักรซิลิคอนเพื่อเผยให้เห็นการทำงานอันทรงประสิทธิภาพผ่านฝาหลังที่กรุด้วยกระจกซัพไฟร์ใส รวมถึงการขัดลายเส้นสไตล์เจนิวา สตริป (Geneva stripes) สะท้อนภาพรอยทางของดวงดาวรวมทั้งรอยบากรูปพระจันทร์เสี้ยวและการเลือกใช้เปลือกหอยมุกมาแทนดวงจันทร์บนจานข้างขึ้น-ข้างแรมที่วางอยู่บนภาพของดวงดาวที่กระจายอยู่บนท้องฟ้าในยามค่ำคืนอันแสนงดงาม
Limited Edition ผลิตเพียง 190 เรือน
และดวงจันทร์อีกดวงที่เปิดตัวได้โดดเด่นในงานนี้คือ Orient Star ตัวโมเดลใหม่ภายใต้ M Collection ทั้ง 3 รุ่นอย่างซีรีส์ M45 F7 Mechanical Moon Phase ด้วยการกลับสู่ดีไซน์ดั้งเดิมของ Mechanical Moon Phase ในขณะเดียวกันก็เพิ่มความทันสมัยให้กับดีไซน์ มีทั้งรุ่นธรรมดา และรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นที่ผลิตจำนวนเพียง 190 เรือน ที่มาพร้อมกับหน้าปัดสีฟ้าสดใส สร้างความมีเสน่ห์ให้กับนาฬิการะบบกลไกในสายตานักสะสมและผู้ที่หลงใหลในความคลาสสิก
นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2017 นาฬิกาในซีรีส์ Mechanical Moon Phase ได้รับความชื่นชมจากทั่วโลกทั้งในเรื่องการออกแบบและฟังก์ชั่นจนกลายเป็นหนึ่งในไอคอนของโอเรียนท์ สตาร์ และเป็นที่นิยมในกลุ่มนักสะสม ด้วยดีไซน์ที่ผสมผสานองค์ประกอบสำคัญ 3 อย่าง ได้แก่ หน้าปัดแสดงพลังงานสำรองที่เป็นเอกลักษณ์ของโอเรียนท์ สตาร์, กลไก Moon Phase พร้อมหน้าต่างแสดงวันที่และเข็ม และหน้าต่างแบบเซมิสเกเลตันที่เผยให้เห็นกลไกเครื่อง in-house Automatic Caliber F7M42 ที่ให้ความแม่นยำสูงอยู่ในช่วง +15 ถึง -5 วินาทีต่อวัน และสำรองพลังงานได้สูงสุดถึง 50 ชั่วโมงอยู่ด้านในของนาฬิกา ซึ่งสื่อการไหลผ่านไปอย่างช้าๆ ของเวลาในสังคมยุคดิจิทัลที่มีมากขึ้นอันมีส่วนให้มองเห็นถึงคุณค่าของเรือนเวลาในแบบกลไก ซีรีส์ M45 F7 Mechanical Moon Phase เป็นเรือนเวลาที่เป็นไอคอนิกอย่างแท้จริงจากคอลเลคชั่นคลาสสิก M45 ซึ่งตั้งชื่อตามรหัสของกลุ่มดาวไพลยาดีสที่สะท้อนดีไซน์ที่เรียบหรูและร่วมสมัย แสดงออกถึงความเป็นนิรันดร์ของธรรมชาติและเวลา โมเดลใหม่นี้ผนึกความเป็นมาและความทันสมัยไว้ด้วยกันโดยปรับปรุงรายละเอียดต่างๆ ให้ตรงใจคนรักนาฬิกาในยุคปัจจุบัน การกลับมาของดีไซน์ในโมเดลใหม่นี้เป็นการรื้อฟื้นความคลาสสิกของ Moon Phase เดิมด้วยตัวเลขโรมันบนขอบนอกของหน้าปัดและลวดลายโลโก้ OS แบบโมโนแกรมที่จะปรากฏตัวตามแสงและมุมมองที่สะท้อนลงบนผืนหน้าปัดในขณะที่ส่วนที่ได้รับการปรับปรุงอย่างเด่นชัด คือภาพพื้นหลังของดวงจันทร์บนจานแสดงข้างขึ้น-ข้างแรม ซึ่งถูกเปลี่ยนเป็นท้องฟ้ายามค่ำคืนสีน้ำเงินที่มีความลึกและสดใสมากยิ่งขึ้น พร้อมรูปดาวที่ดูคมชัดและมีประกายแสนสวย กระจกคริสตัลซัฟไฟร์ด้านหน้าที่มีความโค้งขนานกันทั้งด้านนอกและด้านในหรือ Dual Curve Sapphireได้รับการเคลือบสารกันแสงสะท้อน (SAR coating) ลงบนกระจกทั้งสองด้านเช่นกันซึ่งสามารถลดแสงสะท้อนสูงสุดถึง 99% ช่วยมอบความชัดเจนและมุมมองที่คมชัดจากทุกมุมมอง ตัวเรือนทรงกลมและสายสแตนเลสสตีลคุณภาพสูง (SUS316L) ที่ออกแบบมาให้มีข้อสายสั้นเพื่อการปรับขนาดได้ง่ายขึ้นเพิ่มความสะดวกในการปรับให้กระชับพอดีกับข้อมือ อีกทั้งเพิ่มทางเลือกในการสวมใส่ใช้งานและสนุกไปกับความหลากหลายด้วยการเพิ่มสายมาให้ในเซ็ทกับสายหนังคอโดแวน (Cordovan) สีดำสำหรับรุ่นผลิตจำหน่ายทั่วไปที่มาในดีไซน์หน้าปัดสีขาวและสีน้ำเงินเข้ม และสายหนังวัวสีกรมท่าในรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นหน้าปัดสีฟ้า
และในส่วนของบรรยากาศบนเวทีภายในงานครั้งนี้ทางแบรนด์โอเรียนท์ สตาร์ ยังได้รับเกียรติจากแขกรับเชิญพิเศษอย่างคุณเป๋า วฤธ หงสนันทน์ เซเลบริตี้หนุ่มหล่อนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่มีผลงานโดดเด่นในหลากหลายวงการ ทั้งงานในวงการบันเทิงและวงการแฟชั่นที่นอกจากเป็นนายแบบแล้วยังมีผลงานเขียนเป็นคอลัมนิสต์ที่มีผลงานเกี่ยวกับศิลปะมาร่วมพูดคุยถึงความชื่นชอบในแบรนด์โอเรียนท์ สตาร์ โดยคุณเป๋าได้ให้ความเห็นไว้ว่า
“ในปัจจุบันคุณค่าของนาฬิกาไม่ได้มีหน้าที่แค่ไว้สำหรับดูเวลาเท่านั้น แต่สามารถสะท้อนถึงรสนิยมของผู้สวมใส่ได้ และนาฬิกาในบางเรือนยังสามารถบอกเล่าเรื่องราวหรือถ่ายทอดความงดงามของช่างฝีมือลงบนเรือนเวลาที่จะสร้างความน่าสนใจเพิ่มมากขึ้น จึงมองว่าการเลือกนาฬิกาเป็นอีกสิ่งหนึ่ง ที่บ่งบอกถึงรสนิยมได้อย่างชัดเจนนอกจากในเรื่องของเสื้อผ้า ซึ่งโดยส่วนตัวจะชอบนาฬิกาที่มีรูปแบบในสไตล์คลาสสิคอย่าง ORIENT STAR Mechanical Moon Phase เพราะมีขนาดตัวเรือนที่กำลังพอเหมาะและมีดีเทลของฟังก์ชั่น Moon Phase ที่มีการจัดวางมาได้น่าสนใจเป็นกลไกระดับท็อปของแบรนด์รวมถึงความประณีตในการออกแบบจึงสามารถใส่นาฬิกาโอเรียนท์ สตาร์ เรือนนี้ในวันทำงานที่เราต้องการความเนี๊ยบ หรือใส่กับเสื้อผ้าสีสันสดใสในวันสบายๆ ได้เลย ถือเป็นนาฬิกาที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายได้เป็นอย่างดีสมกับการเป็นดวงดาวที่เปล่งประกายเหมือนตามชื่อของแบรนด์” คุณเป๋ากล่าวทิ้งท้าย
สำหรับการเปิด Pop Up Orient Star เป็นครั้งแรกในประเทศไทยของแบรนด์โอเรียนท์ สตาร์ ในครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงจากจำนวนแขกที่เข้าร่วมงานและคนที่สนใจเข้ามาชมนาฬิกาคอลเลคชั่นต่างๆ ที่มีจัดแสดงโดยเฉพาะซีรีส์ของ Moon Phase Mechanical คอลเลคชั่น M45 และคอลเลคชั่นทุกรุ่นในกลุ่ม M Collection ซึ่งได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษในการเปิดตัวครั้งนี้ และยิ่งในปี 2569 ที่จะถึงนี้ ถือเป็นปีครบรอบ 75 ปีของแบรนด์โอเรียนท์ สตาร์ จึงถือเป็นปีที่สำคัญมากของแบรนด์ที่มีรากฐานความเป็นผู้นำโดยช่างฝีมือชาวญี่ปุ่นในด้านกลไกและการออกแบบที่เป็นนวัตกรรมมาอย่างยาวนาน โดยจะสังเกตุได้ว่าหลายปีที่ผ่านมาแบรนด์ได้มีคอลเลคชั่นพิเศษออกมาตลอดไม่เคยหยุดนิ่งทำให้เชื่อได้ว่าโอกาสสำคัญแบบนี้จะต้องมีเรื่องตื่นเต้นให้กับบรรดานักสะสมนาฬิกาทุกคนได้คอยเฝ้าติดตามกันอย่างแน่นอน สาวกดวงดาวไม่ควรพลาดงานนี้! สำหรับ Orient Star Mechanical Moon Phase ทุกรุ่นที่เปิดตัวพร้อมจำหน่ายแล้ว ที่ Pop Up Orient Star ภายในงาน Central International Watch Fair 2025 ห้างเซ็นทรัลชิดลม ตั้งแต่วันที่ 15 – 26 ตุลาคม 2568 เท่านั้น
สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โทร. 02-255-8822
ORIENT STAR Website: https://orientwatch-th.com/
Facebook ORIENT STAR https://www.facebook.com/orientstarwatch.th
#OrientStar #Themoonchairsma #Moonphasemechanical #MoonandStar #madeinjapan
19 ต.ค. 2568
15 ต.ค. 2568
19 ต.ค. 2568