VAN CLEEF & ARPELS Flowerlace

Last updated: 21 ต.ค. 2568  |  22 จำนวนผู้เข้าชม  | 

VAN CLEEF & ARPELS Flowerlace

ถักร้อยรอยบุปผา Flowerlace
เครื่องประดับ “ถักร้อยรอยบุปผา” หรือ Flowerlace คอลเลกชันใหม่สะกดสายตาด้วยประกายเหลืองอร่ามของทองคำจรัสประกายพราวเพชรระยิบระยับราวต้องแสงจากดวงตะวัน ถ่ายทอดความสดใส มีชีวิตชีวาในธรรมชาติ จุดกำเนิดแรงบันดาลใจอันเป็นที่รักยิ่งตลอดกาลของเมซง นอกจากนั้น ด้วยความงามสง่าทางสุนทรียศิลป์ในการใช้เส้นโค้งออกแบบมิติทรง โครงสร้างตัวเรือนเปิดโปร่ง น้ำหนักเบา จำลองงานขดม้วนแถบริบบิน ถักร้อยอย่างอ่อนช้อยตามรอยลักษณ์ของวงกลีบดอกไม้ประดับอาภรณ์ สะท้อนถึงหนึ่งในแนวทางการสร้างสรรค์อันทรงแบบฉบับของ Van Cleef & Arpels นั่นก็คือแฟชัน หรือ “ศิลปะงานตัดเย็บ” ได้อย่างชัดเจน

เครื่องประดับ “ถักร้อยรอยบุปผา” หรือ Flowerlace คอลเลกชันใหม่ ประกอบไปด้วยห้าผลงานสร้างสรรค์อันได้แก่แหวน, แหวนหว่างนิ้วหรือ Between the Finger ring, ต่างหูหนึ่งคู่, จี้สร้อยคอ และเข็มกลัดจี้สร้อยคอ ซึ่งสามารถ แพลงวิธีสวมใส่ได้สองแบบ แสดงถึงรสนิยมชมชอบของเมซงที่มีต่อศิลปะในการดัดแปลงเครื่องประดับได้อย่างละเมียดละไม ผลงานสร้างสรรค์ทั้งห้าถือกำเนิดจากการหลอมรวมไหวพริบ พลิกแพลงทักษะความชำนาญเฉพาะด้านของบรรดาช่างฝีมือต่างแขนงประจำเมซง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เทคนิคหล่อแบบสูญขี้ผึ้งหรือ lost-wax casting กระบวนการหล่อแบบโลหะละลายไขผึ้ง หรือไขแว็กซ์แบบโบราณ ด้วยการขึ้นต้นแบบประติมากรรมไขแว็กซ์ให้ได้รูปทรงโมทิฟตามต้องการเป็นอันดับแรกก่อนหุ้มทับด้วยวัสดุเนื้อแข็งเป็นกรอบแม่พิมพ์ชั้นนอก จากนั้นจึงนำไปเผาเพื่อละลายไขผึ้งให้สำรอกตัวออกมา พร้อมกับเทโลหะทองคำหลอมเหลวสำหรับหล่อแบบชิ้นส่วนลงไปแทนที่ เมื่อโลหะเลอค่าแข็งตัวได้รูปจึงทำการกระเทาะเอากรอบแม่พิมพ์ชั้นนอกออก ลำดับต่อมา ช่างทำตัวเรือนเครื่องประดับ ก็จะใช้ความชำนาญเหนือชั้นทางงานฝีมือของตนตกแต่ง เก็บรายละเอียดของของชิ้นงานจนได้ผิวเรียบเนียน เกลี้ยงเกลาสำหรับนำไปฝังรัตนชาติขึ้นตัวเรือน และขัดผิวเป็นอันดับสุดท้าย

โครงสร้างเปิดโปร่งของตัวเรือนอ่อนช้อยราว “ถักร้อยรอยบุปผา” ด้วยขดลวดทองจำลองแบบโบว์ดอกไม้แถบริบบิน ล้อมวงเขี้ยวหนามเตยก้านช่อเกสรลูกปัดทองโอบรอบพวงเพชรต่างขนาด จัดตำแหน่งในสัดส่วนอสมมาตร มอบความรู้สึกถึงการเคลื่อนไหว และเปลี่ยนแปลงตามวงจรธรรมชาติได้อย่างละเมียดละไม แต่ละชิ้นส่วนของโมทิฟวงกลีบดอก “ถักร้อยรอยบุปผา” อันประกอบไปด้วยโครงวงกลีบ, เขี้ยวหนามเตยก้านเกสรปลายลูกปัด และพวงเกสรฝังเพชร ล้วนผ่านกระบวนการงานฝีมือขัดผิว ซึ่งต้องใช้ความประณีต แม่นยำ และอดทนเป็นอย่างยิ่งเพื่อให้ทุกรายละเอียดของเนื้อทองหมดจด เกลี้ยงเกลา ต้องแสงทอประกายเงางามอย่างเต็มที่ อำนวยต่อการล้อแสงตกกระทบพวงเพชรให้จรัสแสงระยิบระยับประดับผิวอย่างงามสง่า เพชรแต่ละเม็ดล้วนผ่านการคัดเลือกอย่างพิถีพิถันตามมาตรฐานคุณภาพระดับสูงอย่างเคร่งครัด นั่นคือ D ถึง F ในแง่ของสี และ IF ถึง VVS ในแง่ของความกระจ่างใส บริสุทธิ์ ปราศจากตำหนิก่อนถึงมือช่างขึ้นตัวเรือน ซึ่งต่างบรรจงฝัง


อัญมณีเลอค่าลงบนเขี้ยวหนามเตยตามตำแหน่งไล่ระดับบนก้านพวงเกสรสำหรับนำไปประกอบเข้ากับชิ้นส่วนวงเขี้ยวหนามเตยก้านเกสรปลายลูกปัดที่ผ่านการดัดโค้งให้โอบล้อมรายรอบอย่างลงตัว บนปลายเปิดด้านหนึ่งของแหวนหว่างนิ้วหรือ Between the Finger ring วงกลีบดอกไม้ผลิบานในตำแหน่งที่คล้ายกำลังสดับฟังเสียงสนทนาจากเพชรเดี่ยวซึ่งถูกฝังสอดหุ้มรอบอยู่บนปลายอีกด้าน แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียดของ Van Cleef & Arpels ได้อย่างสง่างาม

คอลเลกชันอันสะท้อนถึงสไตล์ของเมซง
ผลงานคอลเลกชันใหม่นี้แสดงให้เห็นถึงสองแนวทางงานออกแบบอันถือเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกสไตล์ของ Van Cleef & Arpels ได้อย่างชัดเจน อันดับแรก งานออกแบบ “ถักร้อยรอยบุปผา” ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเข็มกลัด “โครงเส้นมิติทรง” หรือ Silhouette (ซิลูแอ็ตต์) รุ่นต่างๆ ซึ่งเมซงสรรค์สร้างขึ้นเมื่อปลายทศวรรษ 1930 ด้วยการนำลูกเล่นลายเส้นคดเคี้ยว และต่อเนื่องดังปรากฏในอลังการศิลป์ยุคนั้นมาใช้ถ่ายทอดความงดงามของมวลพฤกษาแทนที่เครื่องประดับรูปดอกไม้ตามกระแสสมัยนิยม ขดลวดทองคำเส้นบอบบางถูกดัดโค้งขึ้นรูปโครงเส้นมิติทรงดอกไม้โดยคำนึงถึงความสมดุลระหว่างน้ำหนักเนื้อโลหะที่ปรากฏต่อสายตากับช่องว่างเปิดโปร่ง ขณะเดียวกัน ก็อำนวยต่อการเติมประกายสุกสว่างระยับแสงจากบรรดารัตนชาติเลอค่าในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพวงเกสร หรือเกี่ยวกระหวัดมัดปมตรงกึ่งกลาง มอบผลลัพธ์อ่อนช้อย และงามสง่าเสมือนงานฝีมือร้อยริบบินมัดปมเป็นดอกไม้ตกแต่งเสื้อผ้า เป็นบทสรุปความผูกพันระหว่างศิลปะการตัดเย็บกับเครื่องประดับ และทรงคุณค่าอย่างยิ่งในฐานะผลงานมรดกแห่งเมซง นอกจากนั้น ผลงานเหล่านี้ยังสะท้อนถึงงานออกแบบเครื่องประดับชั้นสูง Flowerlace อันหมายถึง “ลูกไม้ลายดอก” ซึ่งถูกตั้งชื่อขึ้นเพื่อยกย่องความผูกพันระหว่างธรรมชาติกับแฟชันโดยอาศัยตัวเรือนทองคำสีขาวทวีประกายเจิดจ้าของเพชรน้ำ มอบความงามสง่าตระการตาในปีค.ศ. 2007

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้