ULYSSE NARDIN x URWERK UR-Freak

Last updated: 21 พ.ย. 2568  |  332 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ULYSSE NARDIN x URWERK UR-Freak

UR-FREAK คือผลงานที่ผสานทั้งความล้ำหน้าเชิงเทคโนโลยีและสมรรถนะระดับสูงสุดจากนาฬิกาตระกูล Freak ของ Ulysse Nardin เข้ากับระบบแสดงเวลาแบบ satellite ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ที่ทำให้ URWERK จากเจนีวาเป็นที่สนใจ แม้ UR-FREAK จะเปิดตัวในปี 2025 แต่เรื่องราวกลับย้อนไปเกือบสามทศวรรษ สู่ช่วงเริ่มต้นของยุคนาฬิกาสมัยใหม่ที่เติบโตและเป็นที่ต้องการในปัจจุบัน

ภายในระยะเวลาเพียงสี่ปี URWERK ก็ได้ถือกำเนิด (ในปี 1997 โดย Felix Baumgartner และ Martin Frei) และนาฬิกา Ulysse Nardin Freak ก็ได้เปิดตัวเป็นครั้งแรก (ในปี 2001) แม้ว่า Ulysse Nardin จะมีประวัติย้อนไปถึงปี 1846 แต่ตั้งแต่ทศวรรษ 1980 เป็นต้นมา แบรนด์ได้เริ่มลงทุนในเทคโนโลยีและการออกแบบนาฬิกาข้อมือแนวล้ำสมัยที่พลิกความคาดหมาย ช่วงปลายทศวรรษ 1990 ถึงต้นทศวรรษ 2000 ถือเป็นยุคทองของอุตสาหกรรมนาฬิกาชั้นสูง เป็นช่วงเวลาน่าตื่นเต้นสำหรับศิลปินและผู้ประกอบการที่สามารถคว้าโอกาสจากบรรดาปัจจัยหลากหลายที่มาบรรจบกัน และได้เปิดทางให้เหล่าช่างนาฬิกาอิสระ นำเสนอผลงานนาฬิกาชั้นสูงเชิงเทคนิคที่ดูล้ำสมัย

ในเชิงธุรกิจ ช่วงเวลานั้นคือยุคฟื้นตัวของอุตสาหกรรมนาฬิกาดั้งเดิม ซึ่งก่อนหน้านี้ยังยึดติดอยู่กับผลงาน เทคโนโลยี และวัสดุที่คล้ายคลึงกันเป็นเวลายาวนาน ช่างนาฬิการุ่นใหม่ไฟแรงได้ก้าวเข้าสู่วงการ พร้อมเครื่องมืออย่างซอฟต์แวร์ออกแบบด้วยคอมพิวเตอร์ เทคนิคการขึ้นรูปแบบใหม่ และวัสดุที่มอบประสิทธิภาพเหนือกว่าโลหะและโลหะผสมบางชนิด

กลุ่มนักคิดรุ่นใหม่มีพันธกิจเรียบง่าย นั่นคือการนำเสนอเสน่ห์และความงามของนาฬิกากลไกดั้งเดิม มาผสมผสานเข้ากับรูปแบบ ฟังก์ชั่นและแนวคิดการออกแบบร่วมสมัย เพื่อยกระดับนาฬิกาให้ตอบโจทย์คนยุคใหม่ อีกทั้งยังทัดทานกำลังของบรรดายักษ์ใหญ่ในวงการนาฬิกา แบรนด์รองจำเป็นต้องทบทวนกรอบความคิดและบรรทัดฐาน สำหรับ Ulysse Nardin ทางด้านผลงาน Freak จึงถูกมองเสมือน “ห้องทดลองบนข้อมือ” พื้นที่เล็ก ๆ แต่ทรงพลังสำหรับการทดลองรูปลักษณ์ วัสดุ และเทคโนโลยีแปลกใหม่ เป้าหมายสำคัญคือการท้าทายแนวคิดคลาสสิก ในขณะที่ยังคงให้เกียรติและโยงกับรากฐานแห่งความประณีตที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน


เช่นเดียวกัน URWERK ก่อตั้งขึ้นด้วยวิสัยทัศน์การผลิตนาฬิกาที่ล้ำสมัย พวกเขาไม่เพียงแค่ตีความฟังก์ชั่นซับซ้อนที่มีอยู่เดิม แต่ทุกผลงานถูกออกแบบให้เป็นนาฬิกาต้นแบบในรูปลักษณ์เฉพาะตัว เปรียบเสมือนคำประกาศแนวคิดแห่งโลกนาฬิกา นาฬิกาของ URWERK ไม่ใช่แค่เครื่องมือบอกเวลาเท่านั้น แต่เป็นกลไกเชิงแนวคิดที่ถูกออกแบบมาเพื่อขยาย ขับเคลื่อน และก้าวข้ามขอบเขตที่มีอยู่ของอุตสาหกรรมนาฬิกา

ในปี 2001 ภายใต้การนำของ Rolf Schnyder ผู้มีวิสัยทัศน์บุกเบิก Ulysse Nardin ได้เปิดตัวแนวคิดนาฬิกาอันน่าทึ่ง ซึ่งพวกเขาเรียกว่า “Freak” เพราะท้าทายกรอบและนิยามดั้งเดิมทั้งหมด นอกจากจะเปลี่ยนมุมมองต่อระบบและเทคนิคของนาฬิกาชั้นสูงแล้ว Freak ยังมีบทบาทสำคัญในการนำเสนอวัสดุใหม่สำหรับวงการนาฬิกาในขณะนั้น นั่นคือ ซิลิคอน

ในขณะเดียวกัน Pierre Gygax ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคของ Ulysse Nardin ในตอนนั้น ต้องเผชิญความท้าทายอย่างมากในการปรับเทคโนโลยีการผลิตที่ออกแบบมาสำหรับชิปคอมพิวเตอร์ให้สามารถผลิตชิ้นส่วนกลไกนาฬิกาได้ ร่วมกับ Dr. Ludwig Oechslin ช่างนาฬิกาอัจฉริยะ โดยทางแบรนด์ตั้งใจสร้างกลไกนาฬิกาใหม่ ที่แทนที่ด้วยชิ้นส่วนสำคัญ ซึ่งโดยปกติทำจากโลหะ ให้ผลิตจากซิลิคอนซึ่งเป็นกึ่งโลหะแทน ในปี 2006 ทาง Ulysse Nardin จึงก่อตั้งห้องทดลองไมโครแมคคานิกส์ของตัวเองในชื่อว่า Sigatec และในปี 2001 ทีมงานมั่นใจในศักยภาพของซิลิคอน Freak กล้าแสดงนวัตกรรมนี้ผ่านหน้าปัดโดยตรง ซึ่งถือเป็นความก้วหน้าที่มาปฏิวัติวงการ เข็มนาทีของนาฬิกายังทำหน้าที่เป็นเกียร์ที่มองเห็นได้ พร้อมชิ้นส่วนสำคัญ เช่น บาลานซ์วีลและเอสเคปเมนท์ผลิตจากซิลิคอน ตั้งแต่ปี 2001 ทาง Ulysse Nardin ไม่เคยหยุดพัฒนาและปรับปรุง Freak แม้จะผลิตเพียงไม่กี่พันเรือน แต่ใน 25 ปีที่ผ่านมากลไกนี้ได้พัฒนาไปอย่างมาก ปัจจุบัน Freak กำลังก้าวเข้าสู่บทใหม่ ที่จินตนาการการแสดงเวลาที่มีเอกลักษณ์ ถูกแทนที่ด้วยการแสดงเวลาไอคอนิกในรูปแบบใหม่

ความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์นาฬิกาอิสระ
ความร่วมมือระหว่างช่างนาฬิกาที่อาจถูกมองว่าเป็นคู่แข่งมีมาตั้งแต่ยุคเริ่มต้นของการผลิตนาฬิกาสมัยใหม่เมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้ว เพราะนาฬิกาชั้นสูงแทบทุกเรือนล้วนต้องอาศัยทักษะและไอเดียจากผู้เชี่ยวชาญหลายด้าน การเปิดเผยความร่วมมือต่อสาธารณะจึงไม่เพียงเพิ่มความโปร่งใส แต่ยังช่วยให้คนรักนาฬิกาและนักสะสมซาบซึ้งและชื่นชมกับงานสร้างสรรค์เบื้องหลังนาฬิกาสวยงามที่พวกเขาชื่นชอบ

ความร่วมมือในอุตสาหกรรมนาฬิกายังเป็นจุดกำเนิดแนวคิดปฏิวัติหลายอย่าง ไอเดียล้ำสมัยจากนักคิดอิสระหลายคนมักนำไปสู่ผลงานและแนวคิดกล้าหาญ สร้างแรงบันดาลใจให้ทั้งช่างนาฬิกาและนักสะสม Ulysse Nardin มุ่งผลักดันทีมงานและพันธมิตรให้ก้าวข้ามขอบเขตที่เคยถูกมองว่าเป็นไปไม่ได้ เพื่อสร้างสรรค์นาฬิกาล้ำสมัยสำหรับนักสะสมและผู้หลงใหลที่มีความต้องการสูง

Ulysse Nardin และ URWERK ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับความร่วมมือ แม้ก่อนหน้านี้ทั้งสองยังไม่เคยทำงานร่วมกัน แต่ตอนนี้พวกเขาได้สร้างสรรค์ผลงานอย่าง UR-FREAK ขึ้นจริง ๆ ซึ่งนี่ถือเป็นครั้งแรกที่ Ulysse Nardin ร่วมมือกับแบรนด์นาฬิกาอื่นอย่างเป็นทางการ ขณะที่ Ulysse Nardin เองก็มีประวัติการร่วมงานกับบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ เช่น Dr. Ludwig Oechslin มานานหลายทศวรรษแล้ว

URWERK ให้ความสำคัญกับความร่วมมือมาโดยตลอด จิตวิญญาณของแบรนด์ถือกำเนิดจากการพบกันของสองคนผู้มีวิสัยทัศน์ที่เติมเต็มซึ่งกันและกัน ระหว่างช่างนาฬิการะดับปรมาจารย์ Felix Baumgartner และนักออกแบบ Martin Frei การรวมตัวนี้ผสานความเชี่ยวชาญทางเทคนิคเข้ากับความกล้าทางแนวคิด จนเกิดเป็นนาฬิกาที่ไม่เพียงล้ำหน้าทางกลไก แต่ยังมีเอกลักษณ์ทางด้านสุนทรียภาพที่โดดเด่น พวกเขาร่วมกันหล่อหลอม URWERK ให้เป็นหนึ่งในผลงานสร้างสรรค์ที่โดดเด่นที่สุดในวงการนาฬิกา และนิยามรูปแบบใหม่ของแบรนด์นาฬิกาอิสระ

Ulysse Nardin และ URWERK ร่วมกันสืบสานมรดกแห่งการประดิษฐ์นาฬิกา โดย UR-FREAK ที่เกิดขึ้นจึงเป็นผลงานเฉพาะตัวที่รวมที่สุดของทั้งสองแบรนด์ เพื่อเฉลิมฉลองความเป็นอิสระ

Different Worlds, But a Single Concept of “Independence”
Ulysse Nardin และ URWERK คือสองแบรนด์เสาหลักในอุตสาหกรรมนาฬิกาสวิสสมัยใหม่ แม้แต่ละแบรนด์จะนำเสนอเอกลักษณ์และมุมมองเฉพาะตัว แต่ทั้งคู่สะท้อนความเป็นอิสระที่หมายถึง “เสรีภาพ” URWERK รักษารูปแบบของแบรนด์ขนาดเล็กเพื่อมุ่งเน้นวิสัยทัศน์ด้านผลิตภัณฑ์และการออกแบบที่ก้าวล้ำ ตามแนวคิดของผู้ก่อตั้ง Martin Frei และ Felix Baumgartner ซึ่งความเป็นอิสระสำหรับ URWERK คือไม่ประนีประนอม ไม่ต้องตอบสนองต่อความต้องการของบุคคลภายนอก และสามารถสำรวจความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างไร้ขอบเขต ส่วน Ulysse Nardin เสรีภาพปรากฏในความสามารถที่จะมุ่งมั่นกับโครงการทางเทคนิคหรือการผลิตใด ๆ ตามที่เลือก โดยมุ่งพัฒนาไม่เพียงกลไกระดับสูงที่น่าทึ่ง แต่รวมถึงเทคนิคและความรู้เชิงอุตสาหกรรมเพื่อสร้างเครื่องบอกเวลาอันน่าประทับใจ ทั้งสองแบรนด์เห็นตรงกันว่าแรงบันดาลใจเชิงสร้างสรรค์ต้องมาจากภายในบริษัท ไม่ใช่ตามกระแสนิยม และความเป็นอิสระยังช่วยให้ช่างนาฬิกาสามารถเดินตามเส้นทางเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ด้วยเหตุผลนี้ ความเป็นอิสระจึงช่วยให้พวกเขาเลือกได้ว่าจะร่วมงานกับใครและทำไม และเมื่อสองแบรนด์อิสระที่ทรงพลังมีอิสระเต็มที่ในการลงทุนและทุ่มเทต่อเป้าหมาย ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ UR-FREAK นั่นเอง

ด้วยจิตวิญญาณของการผสมผสานและความร่วมมือซึ่งฝังรากลึกอยู่ในวัฒนธรรมนาฬิกาสมัยใหม่ การสร้างสรรค์สุดพิเศษนี้จึงเป็นแนวคิดที่คนรักนาฬิกาและนักสะสมสามารถเข้าใจได้เป็นอย่างดี สำหรับ Ulysse Nardin และ URWERK นาฬิกา UR-FREAK คือการผสมผสานระหว่างแนวคิดล้ำสมัยของ Freak กับนวัตกรรมการแสดงเวลาของ URWERK จิตวิญญาณของนาฬิกาที่ขับเคลื่อนด้วยความปรารถนาที่จะรวมความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านและความชำนาญพิเศษของแต่ละแบรนด์ เพื่อสร้างสรรค์ดีไซน์และแนวคิดใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน

A True Technical Collaboration
ควรแยกแยะความสัมพันธ์ระหว่าง Ulysse Nardin และ URWERK ออกจากความร่วมมือเชิงสร้างสรรค์ทั่วไปในอุตสาหกรรมนาฬิกาปัจจุบัน เพราะส่วนใหญ่ความร่วมมือมักสร้างเพียงการปรับแต่งด้านความงามให้กับนาฬิกาที่มีอยู่แล้ว แต่ความร่วมมือเชิงเทคนิค ระหว่าง Ulysse Nardin และ URWERK นำไปสู่การสร้างระบบกลไกใหม่ทั้งหมด UR-FREAK จึงไม่ได้เป็นเพียงการรวมดีเอ็นเอของทั้งสองแบรนด์เข้าด้วยกันเท่านั้น แต่ยังนำเสนอกลไกใหม่ที่ร่วมพัฒนาโดยสองแบรนด์นาฬิกาสวิสผู้เชี่ยวชาญ โดยได้รับแรงบันดาลใจจาก Ulysse Nardin Freak รุ่นไอคอนิก URWERK นำระบบแซทเทิลไลต์อันเป็นซิกเนเจอร์มาประยุกต์ใช้กับความชำนาญด้านชิ้นส่วนซิลิคอนของ Ulysse Nardin ทั้งสองจึงสร้างระบบใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่เข้ากับเอกลักษณ์ของทั้งสองแบรนด์อย่างลงตัว ด้วยเหตุนี้ UR-FREAK จึงเป็นผลงานความร่วมมือที่สมดุล เพราะสะท้อนคุณค่าของทั้ง Ulysse Nardin และ URWERK อย่างเท่าเทียม และถือเป็นความร่วมมือที่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากสามารถผสานเสน่ห์ของทั้งสองแบรนด์ได้อย่างลงตัว พร้อมเผยให้ผู้ชื่นชอบนาฬิกาเห็นถึงความเชื่อมโยง

ด้วยจิตวิญญาณของการผสมผสานและความร่วมมือซึ่งฝังรากลึกอยู่ในวัฒนธรรมนาฬิกาสมัยใหม่ การสร้างสรรค์สุดพิเศษนี้จึงเป็นแนวคิดที่คนรักนาฬิกาและนักสะสมสามารถเข้าใจได้เป็นอย่างดี สำหรับ Ulysse Nardin และ URWERK นาฬิกา UR-FREAK คือการผสมผสานระหว่างแนวคิดล้ำสมัยของ Freak กับนวัตกรรมการแสดงเวลาของ URWERK จิตวิญญาณของนาฬิกาที่ขับเคลื่อนด้วยความปรารถนาที่จะรวมความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านและความชำนาญพิเศษของแต่ละแบรนด์ เพื่อสร้างสรรค์ดีไซน์และแนวคิดใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน

MECHANICS DEFINE THE DESIGN
กลไกของ Freak ขับเคลื่อนการบอกเวลาด้วยการหมุนชุดกลไกทั้งชุด ขณะที่ระบบแซทเทิลไลต์ชั่วโมงของ URWERK จะบิดโครงสร้างเชิงกลและพลิกมุมมองของการแสดงเวลา ซึ่งทั้งสองกลไกที่สลับซับซ้อนถูกหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวในคาลิเบอร์อินเฮาส์แบบบูรณาการเต็มรูปแบบ


เพื่อสร้างผลงานวิศวกรรมอันโดดเด่นนี้ แบรนด์ได้พัฒนาชิ้นส่วนใหม่กว่า 150 ชิ้น เพื่อออกแบบระบบแสดงเวลา Wandering Hours  รวมถึงดีไซน์ขอบตัวเรือนใหม่ การบอกเวลาจะผ่านเข็มสามชุดที่เชื่อมต่อกัน โดยเข็มที่ทำงานอยู่จะเลื่อนตามสเกลนาทีวนขวาของหน้าปัด แต่ละเข็มติดตั้งดิสก์โดมหมุนได้สำหรับแสดงเวลาชั่วโมงแบบ jumping hour เมื่อชั่วโมงปัจจุบันที่เชื่อมกับคารูเซลหมุนครบเส้นทาง 60 นาที ดิสก์ชั่วโมงจะเปลี่ยนไปยังชั่วโมงถัดไป และเข็มชุดใหม่จะเริ่มต้นการเคลื่อนที่บนสเกลนาทีตั้งแต่จุดเริ่มต้น ระบบ Wandering Hours ทั้งชุดยังคงจิตวิญญาณของ Freak ด้วยการเชื่อมต่อเข้ากับระบบกำกับจังหวะการเดินของนาฬิกา ซึ่งกึ่งกลางคือบาลานซ์วีลและเอสเคปเมนท์ซิลิคอน หมุนไปพร้อมกับระบบแซทเทิลไลต์และหมุนครบหนึ่งรอบทุกสามชั่วโมง คล้ายระบบทูร์บิญองหรือคารูเซล ช่วยลดความคลาดเคลื่อนของเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

UR-FREAK พัฒนาบนพื้นฐานของนาฬิกา Ulysse Nardin Freak [ONE]
ตัวเรือนขนาด 44 มม. ผลิตจากไทเทเนียมสีแอนทราไซต์เข้มแบบซันด์บลาสต์ตามสไตล์เฉพาะตัวของ URWERK พร้อมเติมเต็มด้วยองค์ประกอบการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็น สามร่องสันนูนบนขอบตัวเรือนแบบหมุนและฝาหลังไทเทเนียม ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ด้านดีไซน์ของ URWERK นอกจากนี้ เฉดสีไทเทเนียมยังตัดด้วยสีเหลือง Pantone 395 C อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ช่วยเน้นรายละเอียดสำคัญอย่างหัวลูกศรของแซทเทิลไลต์ สเกลนาที และสายยางออกแบบพิเศษให้เข้ากับตัวเรือน

อีกหนึ่งเอกลักษณ์สำคัญของ Ulysse Nardin Freak คือการไม่มีเม็ดมะยม และ UR-FREAK เองก็เลือกตัดเม็ดมะยมออกเช่นกัน ช่วยเสริมภาพลักษณ์ที่ดูสบายตายิ่งขึ้น โดยทั่วไป นาฬิกาในตระกูล Freak จะใช้กลไกปรับเวลาผ่านขอบตัวเรือนและฝาหลังแทนเม็ดมะยม ที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกาจะมีแถบล็อคขนาดเล็กหรือ “ล็อคเกอร์” ทำหน้าที่ยึดขอบตัวเรือนให้แน่นเมื่อไม่ใช้งาน สำหรับรุ่นนี้แถบดังกล่าวประทับคำว่า “UR-FREAK” เมื่อยกตัวล็อคขึ้น ขอบตัวเรือนจะหมุนได้อย่างอิสระ และเมื่อหมุน ก็จะขยับเข็มเพื่อปรับเวลา แม้ UR-FREAK จะใช้ระบบขึ้นลานอัตโนมัติแบบ Grinder® แต่จักรกลรหัส UN-241 ยังสามารถขึ้นลานด้วยมือได้ผ่านการหมุนฝาหลัง อีกทั้งแม้องค์ประกอบตัวเรือนจะประกอบกันแบบ “ซ้อนทับ” ระหว่างชิ้นส่วนที่เลื่อนขยับได้ แต่ตัวเรือน UR-FREAK ก็ยังคงประสิทธิภาพการกันน้ำได้ 30 เมตร

A Marvel of Engineering                                                                                                                                               
กลไกภายใต้ของระบบแสดงเวลา Wandering Hours ที่ออกแบบโดย URWERK คือคาลิเบอร์ UN-241 กลไกอินเฮาส์รุ่นใหม่ของ Ulysse Nardin ซึ่งผสานทุกองค์ประกอบให้เป็นระบบเดียวกัน กลไกนี้พัฒนาขึ้นจากกลไกพื้นฐานของคาลิเบอร์ UN-240 ที่คว้ารางวัล GPHG จากรุ่น Freak [ONE] พร้อมเติมเต็มความเชี่ยวชาญและนวัตกรรมกว่า 20 ปี จึงดูลงตัวระหว่างสมรรถนะและความล้ำสมัยในนาฬิกาที่สวมใส่ ออสซิลเลเตอร์ซิลิคอนเดินด้วยความถี่ 3 เฮิร์ต และมีกำลังลานสำรองพลังงานนานถึง 90 ชั่วโมง

ขณะที่กลไกส่วนใหญ่มักซ่อนออสซิลเลเตอร์ไว้ด้านหลัง แต่ Freak กลับเผยหัวใจกลไกไว้ด้านหน้า และในการออกแบบใหม่นี้ออสซิลเลเตอร์จึงถูกยกให้โดดเด่นยิ่งขึ้น ด้วยเทคโนโลยีซิลิคอนทำให้ออสซิลเลเตอร์มีขนาดใหญ่กว่าปกติถึง 25% เพื่อเพิ่มมิติการมองเห็นและประหยัดพื้นที่ ออสซิลเลเตอร์ถูกจัดวางไว้กึ่งกลาง เหนือระบบแซทเทิลไลต์บอกชั่วโมง การจัดวางเช่นนี้เกิดขึ้นได้ก็เพราะทีมพัฒนาทั้งกลไกและหน้าปัดทำงานควบคู่กัน แตกต่างจากแนวทางดั้งเดิมที่แยกขั้นตอนอย่างชัดเจน แต่ที่นี่รูปแบบและฟังก์ชั่นถูกออกแบบควบคู่กันตั้งแต่ต้น

Pioneering Technology
ระบบขึ้นลานอัตโนมัติของรุ่นนี้ไม่เหมือนนาฬิการุ่นอื่นๆ นอกจากบางรุ่นของ Ulysse Nardin Freak [ONE] และ Freak [S] เท่านั้น Ulysse Nardin เรียกระบบนี้ว่า “Grinder®” ชื่อนี้ได้มาจากหลักการทำงาน โดยปกติระบบขึ้นลานอัตโนมัติจะพึ่งพาน้ำหนักโรเตอร์ที่อาศัยแรงเหวี่ยงและการเคลื่อนไหวในระดับหนึ่งก่อนจะแปลงพลังงานไปกักเก็บในเมนสปริง แต่ Grinder® ยกระดับประสิทธิภาพขึ้นลานอย่างมาก เพราะสามารถเปลี่ยนการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยให้กลายเป็นพลังงานได้ทันที นี่ไม่ใช่แค่ระบบเฉพาะตัวเท่านั้น แต่ยังถือเป็นหนึ่งในความก้าวหน้าด้านประสิทธิภาพของระบบขึ้นลานอัตโนมัติในรอบหลายทศวรรษ

Ulysse Nardin ริเริ่มนำซิลิคอนมาใช้เป็นครั้งแรก
วัสดุล้ำสมัยที่มาปฏิวัติวงการนาฬิกา

ตั้งแต่ปี 2001 เป็นต้นมา Ulysse Nardin ได้จดสิทธิบัตรมากกว่า 20 ฉบับ สำหรับรุ่น Freak และยังเป็นทั้งผู้เชี่ยวชาญและผู้ผลิตซิลิคอน ทางแบรนด์ได้บุกเบิกการใช้ซิลิคอน วัสดุประเภทเมตัลลอยด์ในการประดิษฐ์นาฬิกา เมื่อเปิดตัว Freak ในปี 2001 ซิลิคอนเป็นทางเลือกที่มีประโยชน์แทนการใช้โลหะทั่วไปด้วยหลากหลายเหตุผล วัสดุธรรมชาตินี้ทนต่อการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม เช่น อุณหภูมิและสนามแม่เหล็ก ซึ่งมักสร้างปัญหาให้ชิ้นส่วนโลหะแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ ซิลิคอนยังมีคุณสมบัติลดแรงเสียดทาน ซึ่งเป็นปัญหาที่ช่างนาฬิกามักพบเมื่อต้องการประสิทธิภาพและความทนทานในระยะยาว ชิ้นส่วนซิลิคอนสามารถใช้งานได้นานโดยไม่จำเป็นต้องหล่อลื่น ช่วยยืดระยะเวลาการบำรุงรักษาและสร้างความพึงพอใจให้ผู้ครอบครองนาฬิกา

เมื่อ Ulysse Nardin เริ่มศึกษาการใช้ซิลิคอนเป็นวัสดุสำหรับทำกลไกนาฬิกา ซิลิคอนในเวลานั้นมีราคาสูงและยากต่อการขึ้นรูปเพื่อนำไปใช้กับการผลิตนาฬิกาดั้งเดิม อย่างไรก็ตาม ความคุ้มค่าในด้านประสิทธิภาพของวัสดุนี้มีมากกว่าความกังวล ทางแบรนด์จึงบุกเบิกลงทุนอย่างหนักทั้งในด้านวิศวกรรมเพื่อพัฒนาซิลิคอน และคิดค้นการพัฒนาใหม่ ๆ สำหรับนาฬิกาเชิงกลไก

หนึ่งในนวัตกรรมของ Ulysse Nardin คือวัสดุที่เรียกว่า DIAMonSil ตามชื่อบ่งบอกว่าเป็นซิลิคอนเคลือบเพชร การเคลือบนี้เพื่อช่วยเพิ่มชั้นปกป้องที่แข็งแกร่งและทนทาน กันการเปราะของซิลิคอน DIAMonSil ถูกนำมาใช้กับเอสเคปเมนต์ของกลไก UN-241 เนื่องจากชิ้นส่วนเหล่านี้ต้องเผชิญกับแรงกระแทกอย่างต่อเนื่อง ไม่มีผู้ผลิตนาฬิกาอื่นใดนอกจาก Ulysse Nardin ที่สามารถติดตั้งเทคโนโลยี DIAMonSil ให้กับนาฬิกาของตนได้ แต่ในปัจจุบันผู้ผลิตนาฬิกาชั้นนำส่วนใหญ่ก็เริ่มนำซิลิคอนมาใช้กับผลงานบางรุ่นเช่นกัน

NO BOUNDARIES. SINCE 1846.
Ulysse Nardin คือแบรนด์นาฬิกาอิสระสัญชาติสวิสที่มาปฏิวัติวงการนาฬิกาชั้นสูง เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตนาฬิกาผ่านนวัตกรรมและงานฝีมือของช่างนาฬิกาที่ไม่มีใครเทียบได้ ก่อตั้งขึ้นในปี 1846 ที่เมือง Le Locle ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ แบรนด์นี้ได้กลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วสำหรับเครื่องมือบอกเวลาที่แม่นยำ ซึ่งมีความสำคัญต่อการสำรวจมหาสมุทร ตลอดระยะเวลาห้าชั่วอายุคน ครอบครัว Nardin ได้ผลิตโครโนมิเตอร์ทางทะเลที่มีความน่าเชื่อถือสูงที่สุด ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากกองทัพเรือ และถูกใช้โดยนักวิทยาศาสตร์ในสาขาต่างๆ เช่น ธรณีศาสตร์, ดาราศาสตร์, และวิทยาศาสตร์โลก

Ulysse Nardin เป็นผู้นำในการนำนวัตกรรมในด้านการแสดงเวลา กลไกที่ผลิตขึ้นเอง การวิจัยและพัฒนาวัสดุศาตร์ โดยสะสมรางวัลทางเทคนิคและการออกแบบมากกว่า 4,300 รางวัล แบรนด์ได้เปิดตัวผลงานอันล้ำสมัย เช่น นาฬิกาเสียงแรกที่มีกลไก Jacquemarts automatons, Astrolabium Galileo Galilei, และปฏิทินถาวรเรือนแรกที่สามารถตั้งเวลาได้ทั้งข้างหน้าและข้างหลังผ่านเม็ดมะยม ปูทางในการใช้ซิลิคอนในวงการนาฬิกา นอกจากนั้น Ulysse Nardin ยังได้พัฒนา DiamonSil® ซึ่งเป็นการรักษาพื้นผิวของกลไกที่มาปฏิวัติวงการนาฬิกา

นาฬิกา Freak เปิดตัวในปี 2001 ได้สะท้อนถึงแนวทางเฉพาะของ Ulysse Nardin ที่ผสมผสานเทคโนโลยีระดับสูงและฝีมือของช่างนาฬิกาได้อย่างลงตัว โดย 20 ปีหลังจากนั้น Freak [ONE] ได้รับรางวัล "Most Iconic Watch" จาก Grand Prix d’Horlogerie de Genève

โดยทางแบรนด์เป็นส่วนหนึ่งในบริษัทผู้ผลิตนาฬิกาอิสระร่วมกับ Girard-Perregaux โดย Ulysse Nardin ยังคงพลักดันขอบเขตของศาสตร์การผลิตนาฬิกา มากำหนดมาตรฐานใหม่ให้กับแบรนด์ที่มีประวัติยาวนาน พร้อมทั้งมีบูติกจำหน่ายนาฬิกาทั่วโลก รวมถึงแฟล็กชิพที่ตั้งอยู่ในเจนีวา ซิลิคอนวัลเลย์ ดูไบ และเซี่ยงไฮ้

“ตั้งแต่แรกเริ่ม เราตัดสินใจว่าจะไม่จำกัดตัวเองอยู่ในกลุ่ม ‘กร็องด์ คอมปลิเคชัน’ แบบเดิมๆ” Felix Baumgartner ผู้ก่อตั้งร่วมและช่างนาฬิกา URWERK กล่าว “เป้าหมายของเราคือการก้าวข้ามขอบเขตดั้งเดิมของศาสตร์การทำนาฬิกา ทุกผลงานที่สร้างสรรค์ล้วนถูกออกแบบให้เป็นผลงานดั้งเดิม” ปรัชญานี้สอดคล้องกับ Martin Frei หัวหน้าดีไซเนอร์และผู้ก่อตั้งร่วมของ URWERK ซึ่งเสริมว่า “ผมเติบโตมากับความคิดสร้างสรรค์ไร้ขีดจำกัด ปราศจากกรอบของนาฬิกาชั้นสูงแบบคลาสสิก ผมจึงสามารถดึงแรงบันดาลใจจากมรดกทางวัฒนธรรมของตนเองได้อย่างอิสระไร้ข้อจำกัด”

ก่อตั้งขึ้นในปี 1997 URWERK คือหนึ่งในผู้บุกเบิกที่โดดเด่นที่สุดของโลกนาฬิกาอิสระชั้นสูงในปัจจุบัน ด้วยกำลังการผลิตเพียงปีละ 150 เรือน แบรนด์ดำเนินงานเสมือนห้องทดลองเชิงช่างฝีมือ ที่ซึ่งเทคโนโลยีล้ำอนาคตถูกหลอมรวมเข้ากับงานออกแบบเชิงทดลองอย่างแยบยล ผลงานของ URWERK แบ่งออกเป็น 3 คอลเลกชั่นหลัก ได้แก่ Chronometry คอลเลกชั่นที่ทำหน้าที่เป็นสนามทดสอบความเที่ยงตรงและกลไกแนวหน้า; Hour Satellite ไอคอนประจำแบรนด์ที่พลิกมุมมองการบอกเวลา; และ Special Projects พื้นที่แห่งการทดลองและไอเดียที่กล้าท้าทายทุกกรอบความคิด

นาฬิกา URWERK มีความร่วมสมัย ซับซ้อน และแตกต่างอย่างแท้จริง แต่ยังคงเคารพต่อมาตรฐานสูงสุดแห่งศิลปะการทำนาฬิกาชั้นสูง ทั้งงานวิจัยอิสระ วัสดุอันล้ำสมัย และงานตกแต่งด้วยมืออย่างประณีตพิถีพิถัน

ชื่อ URWERK สื่อถึงทั้งความเก่าแก่และความล้ำยุค อ้างอิงถึงเมืองอูร์ในเมโสโปเตเมีย ที่ชาวสุเมเรียนเริ่มต้นวัดเวลาโดยใช้เงาของอนุสาวรีย์ อีกทั้งยังเชื่อมโยงกับรากศัพท์เยอรมัน “Ur” (ดั้งเดิม/แรกเริ่ม) และ “Werk” (งาน/กลไก) ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วก่อให้เกิดแนวคิดของ “กลไกดั้งเดิม” — สัญลักษณ์ที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับแบรนด์ผู้มุ่งมั่นในการนิยามความหมายของเวลา

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้