Interview with Oris

Interview with Oris

Oris แบรนด์นาฬิกาสวิสแท้ที่เป็นหนึ่งในใจของคนทั่วโลกในฐานะแบรนด์ที่มีความคุ้มค่าทั้งในด้านราคา การออกแบบ ความทนทาน และเป็นนาฬิกาที่เชื่อถือได้ในความเที่ยงตรง เมื่อผมได้มีโอกาสพูดคุยกับ Philipp Kaser Vice President of Oris ในงาน Baselworld ผมจึงไม่พลาดที่จะต้องอัพเดทถึงนาฬิการุ่นใหม่ที่แบรนด์ได้เปิดตัวในปีนี้

“สำหรับ Oris เรามีคอลเลคชั่นนาฬิกาหลักๆ อยู่ 4 คอลเลคชั่นคือ Aviation, Culture, Diving และ Motorsport และไฮไลท์ของปีนี้เป็นปีของ Motorsport เราเปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่ที่เราทำงานร่วมกับ Williams ทีมรถแข่งฟอร์มูล่าวัน 2 รุ่นคือ Williams Day Date ซึ่งมีให้เลือกในรุ่นหน้าปัดดำ หรือหน้าปัดน้ำเงิน และ Williams Chronograph เราแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือกับทีมมาเป็นเวลา 13 ปีด้วยการสลักชื่อ Williams ไว้ที่ด้านข้างของนาฬิกา และยังมีโลโก้ W ซึ่งพวกเขาใช้บนรถแข่งอยู่บนหน้าปัด ฝาหลังเปลือยเผยให้เห็นความงามของกลไก

นอกจาก Williams แล้วเรายังมีพันธมิตรใหม่ที่เพิ่งร่วมงานกันเมื่อปีที่แล้วคือ Audi เราประสบความสำเร็จอย่างสูงในการทำงานร่วมกับ Audi ในการแข่งขัน 24 hrs of Le Mans ซึ่งต้องทำการแข่งขันกันตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้นเราจึงผลิตนาฬิการุ่นพิเศษสำหรับการเป็นพันธมิตรในรุ่น Audi Sport limited Edition II นาฬิกาโครโนกราฟในตัวเรือนไทเทเนียม แสดงหน้าปัดวินาทีย่อยแบบเส้นตรงที่ตำแหน่ง 9 นาฬิกา พร้อมโลโก้ Audi Sport บนหน้าปัด ฝาหลังสลักเป็นรูปรถ R18 E-tron ผลิตจำนวนจำกัด 2,000 เรือน

รุ่นถัดมาสำหรับ Motorsport คือ Calobra เป็นรุ่นที่เราผลิตขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการเป็นนาฬิกาจับเวลาอย่างเป็นทางการของการแข่งขัน Oris Rally Clásico ที่ Calobra เมืองเล็กๆ บนเกาะ Mallorca ของสเปน โดยเราผลิตรุ่นพิเศษ Calobra Day Date จำนวน 1,000 เรือน และรุ่น Calobra Chronograph จำนวน 250 เรือน หน้าปัดของทั้งคู่โดดเด่นด้วยสีเขียวและขาว และมีการสลักภาพถนนบนภูเขาอันมีชื่อเสียงของ Calobra ไว้ที่ฝาหลัง”

เมื่อผมถามว่าเขามีแผนการผลิตกลไกที่มีความซับซ้อนสูงในอนาคตหรือไม่ “เราไม่มีแผนแบบนั้นเลย จริงๆ แล้วในปีนี้เรามีการผลิตกลไกใหม่ซึ่งเป็นกลไกที่เราผลิตขึ้นเองทั้งหมดคือ Calibre 111 ซึ่งมีความสามารถในการสำรองพลังงานได้ถึง 10 วัน และเราใช้กลไกนี้เป็นขุมพลังของนาฬิการุ่นใหม่ในคอลเลคชั่น Culture นั่นคือ Oris Calibre 111 มีให้เลือกในตัวเรือนสตีล หรือทองคำสีแดง แสดงมาตรวัดการสำรองพลังงานบนหน้าปัดที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา แสดงหน้าปัดวินาทีเล็กและวันที่ที่ตำแหน่ง 9 นาฬิกา ฝาหลังเปลือยเผยให้เห็นความงามของกลไก มันเป็นนาฬิกาแบบเดรสวอชที่มีความสง่างามและคลาสสิกในแบบที่คุณต้องการ”

ผมปิดท้ายด้วยการถามถึงคอลเลคชั่นที่มีชื่อเสียงที่สุดในขณะนี้ “มันเป็นคำถามที่ยากมากเพราะเรามีคอลเลคชั่นที่แตกต่างกันถึง 4 คอลเลคชั่น แต่ผมคิดว่าสำหรับประเทศไทยคอลเลคชั่นที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักที่สุดคือ Diving และในปีนี้เราได้เปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่ Depth Gauge Chronograph ที่มาในตัวเรือนสตีลและ PVD พร้อมขอบตัวเรือนเซรามิกแสดงสเกลนาที โดยเราได้สร้างสีสันแห่งความสุขให้กับนาฬิกาด้วยการตัดหน้าปัดสีดำสนิทด้วยความสนุกสนานของสีเหลือง มาพร้อมสายยางสีดำและสีเหลือง ซึ่งสามารถเปลี่ยนสายได้ในวันที่คุณอยากเพิ่มสีสันในการแต่งตัว นอกจากนี้เรายังได้ร่วมงานกับพันธมิตรใหม่ซึ่งเป็นหน่วยพิเศษของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกาในรุ่น Oris Force Recon GMT ในตัวเรือนไทเทเนียม แสดงโลโก้หน่วยพิเศษไว้บนหน้าปัด มาพร้อมฟังก์ชั่น GMT สามารถอ่านค่าโซนเวลาที่ 2 ได้บนหน้าปัด และฮีเลียมวาล์วแบบปรับได้ สามารถกันน้ำลึกได้ 500 เมตร มาพร้อมสายยางและสายนาโต้ เราหวังว่าเป็นอย่างยิ่งว่านาฬิการุ่นใหม่ของเราทั้งหมดจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มลูกค้าในประเทศไทย”