NIELS EGGERDING

Last updated: 26 ธ.ค. 2567  |  391 จำนวนผู้เข้าชม  | 

NIELS EGGERDING

Frederique Constant แบรนด์นาฬิกาที่ย้ำถึงสถานะของตนเองในฐานะผู้ผลิตนาฬิกาที่นำเสนอเครื่องบอกเวลาคุณภาพสูงในราคาที่เข้าถึงได้ ซึ่งเมื่อปีที่แล้วทางแบรนด์เพิ่งจะเฉลิมฉลองครบรอบ 35 ปีของตนเอง เป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ว่าการดำเนินกิจการของ Frederique Constant ในแนวทางดังกล่าวได้ครองใจคนรักนาฬิกาเรื่อยมา Niels Eggerding ซีอีโอของแบรนด์ ได้ให้เกียรติบอกเล่าเกี่ยวกับทิศทางของแบรนด์หลังผ่านพ้นปีที่ 35 ของตนเอง

ทิศทางการบริหารงานของ Frederique Constant หลังจากวาระครบรอบ 35 ปีเมื่อปีที่ผ่านมา?
ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใหญ่แต่อย่างใดครับ ปีที่แล้วถือเป็นปีอันน่าตื่นเต้นสำหรับเรา ปีนี้เราเริ่มต้นด้วยการเข้าร่วมจัดแสดงในงาน Watches and Wonders เป็นครั้งแรก หลังจากนี้ก็จะเป็นปีสำคัญสำหรับแบรนด์ Alpina ซึ่งเป็นแบรนด์น้องที่อยู่ภายใต้การบริหารงานของกลุ่มบริษัทของเราที่ผมรับผิดชอบด้วยเช่นกัน ซึ่งมีวาระครบรอบ 140 ปีในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และในช่วงปลายเดือนสิงหาคมถึงต้นเดือนกันยายน เราเข้าร่วมในงาน Geneva Watch Days เป็นช่วงเวลาที่เราได้เฉลิมฉลองครบรอบ 35 ปีของ Frederique Constant โดยเราได้เปิดตัวคาลิเบอร์เครื่องใหม่ที่มีพลังสำรองลานที่มากขึ้น และงานสุดท้ายของปีคือที่ Dubai Watch Week หลังจากนี้เราน่าจะมีเวลามากขึ้น ได้กลับมาที่โรงงานของเราเพื่อโฟกัสกับการสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ นี่คือเรื่องที่เราเน้นสำหรับปีนี้

Frederique Constant มีการบริหารงานอย่างไรหลังจากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบริษัท Citizen Group ทางแบรนด์มีกลยุทธ์การดำเนินงานที่เป็นอิสระหรือไม่อย่างไร?
ใช่ครับ เรามีการวางแผนไว้เป็นวาระซึ่งมีระยะเวลา 3 ปี และนำไปนำเสนอกับทางพาร์ทเนอร์ของเราในกรุงโตเกียว ซึ่งเราและพวกเขาก็จะหารือกัน เมื่อทุกฝ่ายเห็นชอบแล้ว ผมก็จะนำเรื่องที่หารือมาดำเนินการต่อไปในทีมของเรา เรื่องโชคร้ายที่เกิดขึ้นกับเราคือ ผมได้เข้ามารับตำแหน่งบริหารงานในปี 2018 ต่อมาปี 2019 เราได้เริ่มวางแผนงานบางอย่างไว้เพื่อที่จะดำเนินการในปี 2020 แต่ก็เกิดวิกฤติโควิดพอดี เป็นช่วงเวลาที่ไม่สนุกเลย เราอยากที่เร่งรัดงานของเรา แต่แผนกลับต้องเปลี่ยนเป็นการประคับประคองให้ทุกภาคส่วนสามารถดำเนินไปได้แต่ทั้งนี้เราก็มีเรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้นในปี 2022 เรากลับมาได้ในช่วงหลังวิกฤติโควิด เราได้รับความร่วมมือจากทุกคนในองค์กรอย่างดี เราไม่จำเป็นต้องมานั่งคุยอีกรอบว่าเราต้องการอะไร อยากจะทำอะไร ในปี 2022 กล่าวได้ว่าเราสามารถกลับมาได้อย่างเต็มตัว และในปีนี้เราจะเติบโตไปเรื่อยๆ ปีที่แล้วเราเติบโตที่ 27% และปีนี้เราคิดว่าเราจะได้รับผลตอบรับที่มากยิ่งกว่า ผมคิดว่าผลลัพธ์ที่ได้น่าจะทำให้เรามีความสุขกันแน่นอน

สิ่งที่ทาง Frederique Constant เน้นย้ำในแง่ของทิศทางการตลาดในปีนี้คืออะไร?
ผมคาดว่าเราจะเน้นไปที่เรื่องของคอลเลกชันระดับเริ่มต้น 2 คอลเลกชันที่เราปรับให้มีกลไกสำรองพลังงานที่เพิ่มขึ้น ซึ่งก่อนหน้านั้นเราเคยใช้กลไกที่มีพลังงานสำรองที่ 38-42 ชั่วโมง แต่เราได้อัพเกรดขึ้นมาเป็น 72 ชั่วโมง เรียกว่าเพิ่มมาเกือบเท่าตัว

คุณเป็นผู้ที่ได้เข้ามาร่วมงานกับ Frederique Constant มานานหลายปี ในความคิดของคุณ คุณเห็นความเปลี่ยนแปลงของ Frederique Constant จากอดีตจนถึงปัจจุบันอย่างไร?
ผมร่วมงานกับ Frederique Constant มาเป็นเวลา 12 ปีแล้ว ผมคิดว่าเราเริ่มต้นจากการเป็นแบรนด์ที่มีความเฉพาะตัวและแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ในตลาด เรามีการพัฒนา ผมเองก็ก้าวหน้าและเติบโตขึ้นไปพร้อมๆ กับแบรนด์ด้วย ก่อนหน้านี้ผมมองว่า จะต้องมีช่วงเวลาที่ตลาดจะดึงดูดกลุ่มลูกค้าให้สนใจในผลิตภัณฑ์นาฬิกาที่มีความสปอร์ตมากยิ่งขึ้น มีความคลาสสิกน้อยลง ผมจึงมองว่าแบรนด์จะต้องมีการสร้างสรรค์คอลเลกชันที่มีบุคลิกของความทันสมัย มีความเยาว์วัย และมีความน่าสนใจ ดังนั้นในช่วงปี 2018 – 2019 เราได้เปิดตัวคอลเลกชัน Highlife อันเป็นนาฬิกาสไตล์สปอร์ต โมเดิร์น พร้อมสายแบบอินทริเกรเต็ดซึ่งเราไม่เคยมีมาก่อน ทำให้เราเดินออกมาจากสไตล์ความคลาสสิก แต่ก็ยังคงสามารถสร้างความน่าดึงดูดใจให้กับเหล่าลูกค้าประจำของเราได้จากผลิตภัณฑ์นาฬิกาดังกล่าว ขณะเดียวกันก็สามารถที่จะดึงดูดกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ที่อาจจะไม่เคยรู้จักเรา หรือไม่ได้มองแบรนด์ของเรามาก่อนให้หันมาสนใจเราได้ด้วย นั่นทำให้เรามีผลิตภัณฑ์ในสองรูปแบบทั้งคอลเลกชันในสไตล์คลาสสิก และคอลเลกชันสปอร์ตที่ดูอ่อนเยาว์กว่า อีกทั้งเรายังมีการร่วมงานกับองค์กรหรือบุคคลที่หลากหลาย นำมาซึ่งการผลิตนาฬิการุ่นพิเศษต่างๆ มากมาย ร่วมถึงนาฬิกา unique pieces ในโครงการพิเศษหรือการประมูลการกุศลต่างๆ นั่นทำให้เราได้ออกจากคอมฟอร์ตโซน และมีความแข็งแกร่งมากขึ้น

สำหรับภาพรวมของผลิตภัณฑ์นาฬิกาที่ Frederique Constant นำเสนอในปี 2024 เป็นอย่างไร?
สำหรับผลิตภัณฑ์นาฬิกาที่เรานำเสนอในปีนี้ กล่าวได้ว่ามีความน่าสนใจอย่างยิ่ง เรามีนาฬิกาหลากหลายรุ่นสำหรับทั้งสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษ เรามีนาฬิกาขนาดตัวเรือน 37 มิลลิเมตร ที่สามารถเข้าได้กับทั้งชายและหญิง และมีคอลเลกชันที่เต็มไปด้วยสีสันสดใสสำหรับผู้หญิง นอกจากนี้ยังมีส่วนแสดงข้างขึ้นข้างแรมที่มีดิสก์พระจันทร์ที่เป็นรูปหน้าจูบกัน เป็นการออกแบบที่มีความเฉพาะตัวของเรา อีกทั้งยังได้กลไกคุณภาพจาก Sellita เหล่านี้เป็นคอลเลกชันที่เราคาดว่าจะสามารถสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้ และแน่นอนว่ามีคอลเลกชัน Highlife รุ่นใหม่ที่ทุกคนชื่นชอบด้วย

เนื่องด้วยมูลค่าของนาฬิกาที่เพิ่มขึ้นหลังจากวิกฤติโควิด จุดนี้เป็นสิ่งที่สวนทางกับหลักการของแบรนด์ในการนำเสนอนาฬิกาในราคาที่เข้าถึงได้หรือไม่?
สิ่งที่เกิดขึ้นหลังวิกฤติโควิดคือซัพพลายเชนต่างก็ขึ้นราคาจากภาวะสินค้าขาดแคลน ผมไม่อยากที่จะให้มูลค่าผลิตภัณฑ์ของเราเพิ่มขึ้น เพราะนั่นจะทำให้เราไม่อยู่ในเรทราคาที่เราควรจะเป็น เราอาจจะได้รับผลกระทบบ้างจากการพยายามที่จะไม่ปรับราคาผลิตภัณฑ์ของเรามากเกินไป เพราะเมื่อทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ เราก็จะยังคงอยู่ในกลยุทธ์การนำเสนอราคาที่เหมาะสมแก่ลูกค้า และไม่จำเป็นต้องปรับราคาลงมากจนเกินไป ในขณะที่คู่แข่งของเรา อาจจะตั้งราคาผลิตภัณฑ์ของเขาไว้สูง แต่ต้องมาปรับราคาใหม่อีกซึ่งเป็นเรื่องยาก ดังนั้นผมคิดว่าเรามาถูกทางแล้ว

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

MARC A. HAYEK

24 พ.ย. 2568

RAYMOND LORETAN

24 พ.ย. 2568

MUNEHISA SHIBASAKI

24 พ.ย. 2568

JULIEN TORNARE

21 ต.ค. 2568

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้