Last updated: 3 เม.ย 2568 | 245 จำนวนผู้เข้าชม |
1 เมษายน, เจนีวา, สวิตเซอร์แลนด์ – 20 ปี อาจดูเหมือนเป็นเวลานาน แต่เวลาเป็นสิ่งที่สัมพันธ์กัน และในกรณีของ Big Bang สองทศวรรษผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงเวลานี้ Hublot ได้ยกระดับตนเองขึ้นเป็นผู้นำในด้านนวัตกรรม ทั้งในเรื่องวัสดุ การออกแบบ และเทคโนโลยี Hublot และ Big Bang ได้สร้างความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง และพัฒนาแนวคิดที่เต็มไปด้วยการปฏิวัติ ความกล้า และความสนุกสนาน ด้วยผลงานที่เป็นครั้งแรกของโลกและความสำเร็จที่ท้าทายทุกขอบเขต Big Bang จะถูกจารึกในประวัติศาสตร์ในฐานะนาฬิกาไอคอนเรือนแรกของศตวรรษที่ 21 และเป็นสัญลักษณ์แห่งความคิดสร้างสรรค์ ที่แตกต่างจากผลงานในวงการที่มักถูกจำกัดด้วยประวัติศาสตร์และประเพณี จุดเริ่มต้นที่แท้จริง หลังจากนั้นทุกผลงานจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป
เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปีของคอลเลกชั่นที่เป็นสัญลักษณ์ของ Hublot แบรนด์ได้ย้อนรำลึกถึงเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของคอลเลกชั่นนี้ ผ่านการผสมผสานอย่างลงตัว โดยการนำดีไซน์ของ Big Bang รุ่นแรกมาผสานเข้ากับ Big Bang Unico รุ่นปัจจุบัน ซึ่งนำไปสู่การสร้างสรรค์นาฬิกา Big Bang รุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นจำนวน 5 รุ่น โดยแต่ละรุ่นได้ผสมผสานรายละเอียดอันเป็นเอกลักษณ์จากทั้ง Big Bang รุ่นแรกและ Big Bang Unico รุ่นต่อมา ทำให้ทุกเรือนในคอลเลกชั่นครบรอบ 20 ปีนี้เป็นการรำลึกถึงเหตุการณ์สำคัญที่เชื่อมโยงอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของ Big Bang
ทั้ง 5 รุ่นมาพร้อมกับตัวเรือนที่ได้รับการออกแบบใหม่ โดยยังคงเอกลักษณ์ของโครงสร้างตัวเรือนแบบชั้นที่สะท้อนถึง Big Bang รุ่นแรก ด้วย Pinched lugs ที่คมชัดและขอบกระจกแบบบากที่มีลวดลาย, รวมถึงรูปลักษณ์ของ Big Bang อันโดดเด่น หน้าปัดที่สลักลวดลายที่ได้แรงบันดาลใจจากคาร์บอนไฟเบอร์มีการออกแบบที่ผสมผสานกับหมายเลขอารบิกและมาตรแสดงเวลาที่มีรอยบุบติดแบบเดิมของ Big Bang และเหมือนกับ Big Bang รุ่นแรก แต่ในครั้งนี้ถูกเพิ่มเติมด้วยซูเปอร์ลูมิโนว่าเช่นเดียวกับรุ่น Big Bang Unico
หน้าปัดประกอบด้วยเคาน์เตอร์สองส่วน หนึ่งสำหรับวินาทีขนาดเล็กที่ตำแหน่ง 9 นาฬิกา และอีกตัวสำหรับแสดงนาทีของโครโนกราฟที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา ซึ่งขับเคลื่อนด้วยกลไกโครโนกราฟอัตโนมัติ Unico Manufacture พร้อมโรเตอร์ทองที่สลักเพื่อเฉลิมฉลองการครบรอบ 20 ปีของนาฬิกาไอคอนแห่งยุคนี้ สายยางที่มีลายร่องเป็นรูปข้าวหลามตัด ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจาก Big Bang รุ่นแรก ถูกติดตั้งเข้ากับตัวเรือนโดยใช้การเปลี่ยนสายแบบ One Click ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับ Big Bang Unico ที่ติดตั้งในตัวเรือน โดยทั้งห้ารุ่นนี้ Hublotทต้องการสะท้อนถึงความโดดเด่นของวัสดุศาสตร์ ซึ่งเป็นสิ่งที่แบรนด์ภาคภูมิใจในความเชี่ยวชาญ และสามารถสร้างสรรค์ผลงานอันยอดเยี่ยมได้อย่างแท้จริง
ไทเทเนียม เซรามิค และ คิง โกลด์ เซรามิก (TITANIUM CERAMIC s KING GOLD CERAMIC)
กลับสู่จุดเริ่มต้น การผสมผสานครั้งแรก เมื่อ Big Bang เผยโฉมในปี 2005 เริ่มต้นด้วยสองรุ่นที่ได้กำหนดทิศทางของคอลเลกชั่นตามปรัชญา "Art of fusion" ซึ่งทำให้ Hublot และ Big Bang ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก การผสมผสานระหว่างสเตนเลสสตีลหรือทอง, ไฟเบอร์กลาส, ยาง และเซรามิก พร้อมหน้าปัดลวดลายที่สะท้อนถึงรูปลักษณ์ของคาร์บอนไฟเบอร์ที่ทอเป็นลาย และมีสีแดงเล็กน้อยที่เป็นเอกลักษณ์ นั่นคือสิ่งที่ทำให้ภาพลักษณ์สามารถจดจำได้ในทันที สำหรับรุ่นครบรอบ 20 ปีของ Big Bang ซึ่งผลิตจำกัดจำนวนเพียง 500 เรือนในตัวเรือนเซรามิกไทเทเนียมและ 250 เรือนในเซรามิกคิงโกลด์ ทาง Hublot ได้ทำการปรับแต่งทุกรายละเอียดอย่างพิถีพิถัน ตัวเรือนใหม่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางที่ 43 มม. พร้อมตัวเชื่อมสายที่โค้งเล็กน้อย ขอบตัวเรือนนาฬิกามีการขัดเงา ซึ่งเป็นการนำลักษณะเด่นของ Big Bang รุ่นแรกกลับมา นอกจากนี้ยังเป็นการกลับมาของปุ่มกดสี่เหลี่ยมที่หุ้มปลายยางที่พบในรุ่นแรกๆ ของ Big Bang พร้อมด้วยสายยางลายข้าวหลามตัดที่สามารถเปลี่ยนสายได้ง่ายด้วยระบบ One-Click ที่ติดตั้งในตัวเรือน
หน้าปัดที่มาพร้อมลวดลายคาร์บอนได้รับการออกแบบใหม่เพื่อสร้างความโดดเด่นและดูมีมิติยิ่งขึ้น พร้อมกับการเล่นของเงาและพื้นผิวที่ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยได้รับแรงบันดาลใจจาก Big Bang Unico ตัวเลขอารบิกและเครื่องหมายชั่วโมงถูกแต้มด้วยซูเปอร์ลูมิโนว่าเพื่อประสิทธิภาพในการอ่านที่ชัดเจนในทุกสถานการณ์ ขอบสีแดงที่อยู่บนตัวชี้ของโครโนกราฟช่วยเพิ่มความชัดเจนในการอ่านค่าได้ง่ายยิ่งขึ้น ขับเคลื่อนด้วยกลไกโครโนกราฟอัตโนมัติ Unico Flyback Chronograph โดยรุ่นครบรอบ 20 ปี Big Bang มาพร้อมกับความพิเศษของโรเตอร์ทองคำ และเม็ดมะยมที่สลักด้วยลายพิเศษและฝาครอบยางที่มีโลโก้ครบรอบ 20 ปี
เซรามิกสีแดง (RED CERAMIC)
เซรามิกมีบทบาทสำคัญตั้งแต่จุดเริ่มต้นและวิวัฒนาการของ Big Bang อย่างต่อเนื่อง แต่สิ่งที่ Hublot ได้นำเสนอในปีที่ผ่านมา คือการผลักดันขีดจำกัดในด้านนวัตกรรมอย่างแท้จริง ด้วยการผลิตเซรามิกในสีสันสดใสที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในวงการนาฬิกา การผลิตเซรามิกสีเป็นความท้าทายที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญสูง โดยต้องเลือกใช้สีที่เหมาะสม และควบคุมแรงดันกับอุณหภูมิให้ถูกต้อง เพื่อรักษาความแข็งแกร่งของวัสดุและให้ได้สีที่มีความสม่ำเสมอ กระบวนการนี้ต้องผ่านการทดลองและข้อผิดพลาดมากมาย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบ เนื่องจากแต่ละสีต้องผ่านกระบวนการที่แตกต่างกัน เซรามิกสีแรกที่พัฒนาและผลิตโดย Hublot คือ เซรามิกสีแดง ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในปี 2018 เพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จครั้งสำคัญนี้ในฐานะการพัฒนาครั้งแรก จากหลายๆ ครั้งที่ Hublot ได้ยืนหยัดในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรม โดยนาฬิกา Big Bang 20th Anniversary Red Magic ผลิตจำนวนจำกัด 100 เรือน มาเสริมความสมบูรณ์ เป็นผลงานหนึ่งในห้ารุ่นพิเศษที่เฉลิมฉลองการครบรอบ 20 ปี การผสมผสานระหว่างเซรามิกสีแดงสดกับหน้าปัดลายคาร์บอนนั้นมีความโดดเด่นและมีเอกลักษณ์ในตัวเอง
สีดำล้วน (ALL BLACK)
ไม่ค่อยมีแนวคิดการออกแบบใดในวงการนาฬิกายุคปัจจุบันที่โดดเด่นและพลิกโฉมได้เท่ากับการออกแบบ All Black ของ Hublot แนวคิดที่กล้าหาญและไม่เคยมีมาก่อนนี้ถูกเปิดตัวครั้งแรกในปี 2006 กับรุ่น Big Bang All Black Limited Edition ซึ่งนาฬิกาเรือนนี้ได้ทลายทุกขอบเขตของนาฬิกาหรู โดยไม่เน้นที่ฟังก์ชั่นหรือการอ่านค่าจากหน้าปัด แต่เน้นไปที่แนวคิดสุดท้าทายของ "invisible visibility" การขจัดสีสันและแสงออกไปเพื่อสร้างเสน่ห์ที่ชวนหลงใหลและมีความลึกลับ แม้แต่รายละเอียดที่เล็กที่สุดก็สามารถสะท้อนแสงได้ในมุมมองที่แตกต่าง สำหรับการเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปีของ Big Bang ทาง Hublot ได้ตีความแนวคิดอันท้าทายนี้อีกครั้งในรุ่น Big Bang 20th Anniversary All Black Edition ซึ่งนำเสนอตัวเรือนขนาด 43 มม. ทำจากเซรามิกสีดำขัดเงาแบบแมตต์ พร้อมหน้าปัดลายคาร์บอนสีดำ การผสมผสานนี้ถือเป็นครั้งแรกในรุ่น Big Bang All Black ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 500 เรือน เพื่อเฉลิมฉลองการครบรอบที่ยิ่งใหญ่ และอย่างแน่นอนว่าจะตอบโจทย์ผู้ที่คิดถึงช่วงเริ่มต้นของ Big Bang หรือผู้ที่มองหานาฬิกาที่สะท้อนถึงการแสดงออกที่กล้าหาญและมีเอกลักษณ์
เมจิค โกลด์ (MAGIC GOLD)
ความพยายามครั้งแรกของ Hublot ในการเข้าสู่โลกของวัสดุศาสตร์ โดย Magic Gold สมชื่ออย่างแท้จริง ซึ่งถูกประกาศในปี 2011 ว่าเป็นโลหะผสมทองคำ 18K ที่ทนทานต่อรอยขีดข่วนเพียงหนึ่งเดียวในโลก Magic Gold เป็นตัวแทนของสิ่งที่แผนก RCD ของ Hublot พยายามค้นหามาตลอด: การค้นพบทางเลือกใหม่ๆ เพื่อความคิดสร้างสรรค์ และการขจัดข้อจำกัดของวัสดุและโลหะดั้งเดิม Magic Gold ผสมผสานความทนทานของเซรามิกเข้ากับความแวววาวและเงางามของทองคำ สร้างวัสดุที่มีสีทองประกายพร้อมโทนสีเขียวเล็กน้อย และมีความแข็งที่ทำให้ทนทานต่อรอยขีดข่วนและการเกิดออกซิเดชั่นได้อย่างดี พัฒนาและผลิตภายในโรงงานของ Hublot เอง โดย Magic Gold จึงเป็นวัสดุที่เหมือนกับในนิยายวิทยาศาสตร์ สำหรับรุ่น Big Bang 20th Anniversary Magic Gold ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 100 เรือน นำเสนอโลหะผสมทองคำ 18K ที่มีเอกลักษณ์ พร้อมหน้าปัดลายคาร์บอนและเข็มและเครื่องหมายสีทอง เพื่อสร้างความแตกต่างที่ลงตัวระหว่างโทนสีและพื้นผิวที่ดูทันสมัย
ในโอกาสครบรอบ 20 ปี, จูเลี่ยน ทอร์นาเร่ (Julien Tornare) ซีอีโอของ Hublot ได้กล่าวว่า 'Hublot Big Bang คือหนึ่งในสัญลักษณ์อันโดดเด่นของการผลิตนาฬิกาในศตวรรษที่ 21 อย่างไม่มีข้อสงสัย ปีนี้เรากำลังมองย้อนกลับไปยังความสำเร็จที่ Hublot ได้สร้างสรรค์ผ่าน Big Bang แต่ในขณะเดียวกันเราก็มองไปข้างหน้าสู่อนาคตและศักยภาพที่ยังคงรออยู่ พร้อมทั้งโอกาสที่เต็มไปด้วยความเป็นไปได้ ผมภูมิใจอย่างยิ่งในสิ่งที่คอลเลกชั่นรุ่นพิเศษครบรอบ 20 ปีนี้ได้สะท้อนออกมา โดยเป็นการเชื่อมโยงระหว่างความคิดถึงจากเมื่อ 20 ปีกับปัจจุบันและอนาคตของสิ่งที่ Hublot สามารถบรรลุได้ ผมขอให้การเฉลิมฉลองนี้เป็นสัญลักษณ์ของอีก 20 ปีข้างหน้า!'"
เกี่ยวกับ HUBLOT
ในปี 1980 นับเป็นครั้งแรกที่นาฬิกาแบรนด์หนึ่งได้กล้าผสมผสานตัวเรือนทองเข้ากับสายยาง ซึ่งได้พลิกโฉมวงการนาฬิกาหรูอย่างสิ้นเชิง ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นจากขอบตัวเรือนทรงช่องหน้าต่างเรือที่มีสกรูปรากฏให้เห็นเด่นชัด จึงเป็นที่มาของ อูโบลท์ (Hublot) พร้อมกับแนวทางศิลปะแห่งการผสมผสาน (Art of Fusion)
ในปี 2005 ทางแบรนด์ได้ยกระดับความคิดสร้างสรรค์ไปอีกขั้นด้วยการเปิดตัวบิ๊ก แบง (Big Bang) ที่มมาพร้อมดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์และขนาดที่โดดเด่น ตัวเรือนที่ประกอบด้วยการสร้างสรรค์หลายขึ้นตอน ซึ่งในปีเดียวกัน Hublot ได้รับรางวัล การออกแบบยอดเยี่ยม (Best Design) จากงาน Grand Prix d'Horlogerie de Genève ตั้งแต่นั้นมา ด้วยวิสัยทัศน์ที่มาปฏิวัติวงการ นาฬิกาบิ๊ก แบง จึงไม่เคยหยุดการพัฒนาและต่อยอดผลงานอย่างต่อเนื่อง และนี่คือการถือกำเนิดของนาฬิกาไอคอนประจำศตวรรษที่ 21
แนวคิดของการผสมผสานแฝงอยู่ในทุกองค์ประกอบ และเป็นหลักการที่นำทางทุกคอลเลกชั่น นาฬิกาบิ๊ก แบง (Big Bang) ได้ปรับโฉมในรูปแบบที่ไม่เหมือนใคร ขณะที่คลาสสิก ฟิวชั่น (Classic Fusion) รวบรวมความกล้าและการควบคุมได้อย่างลงตัว ขณะที่ เอ็กเซ็ปชันนอล ไทม์พีซ (Exceptional Timepieces) เขียนนิยามใหม่ตามความคาดหวังเพื่อสร้างสรรค์ผลงานนาฬิกาที่ไม่เหมือนใคร ด้วยแนวทางที่ท้าทายขนบธรรมเนียม Hublot ถ่ายทอด DNA ของแบรนด์ผ่านกลไก In-house อย่าง ยูนิโค่ (Unico), เมคา-10 (Meca-10) และ ทูร์บิญอง (Tourbillon) ที่เพิ่มมิติใหม่ให้กับ ศิลปะแห่งการผสมผสาน
ศาสตร์ที่มาพร้อมเสน่ห์ได้ฝังรากลึกใน Hublot ไม่เพียงแค่ใน La Manufacture เท่านั้น แต่ยังสามารถเกิดขึ้นได้ในหลายสถานที่ เช่น สนามฟุตบอล ผ่านความร่วมมือสำคัญต่างๆ อาทิ ฟุตบอลโลก (FIFA World Cup™) ในปี 2010, 2014, 2018, 2022, พรีเมียร์ลีก (Premier League), ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (UEFA Champions League) และ ยูฟ่า ยูโร (UEFA Euro™) บางครั้งก็เกิดขึ้นในคอนเสิร์ต, การแข่งขันบาสเกตบอล, การแสดงงานทางศิลปะ หรือประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ไม่เหมือนใครร่วมกับสมาชิกเชฟมิชลินของ Hublot และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำ Hublot Vibe มีชีวิตขึ้นมา ผ่านช่วงเวลาเฉลิมฉลองร่วมกันของ อูโบลท์ทิสต้า (Hublotistas) สมาชิกที่ภาคภูมิใจในการเป็นเจ้าของนาฬิกา Hublot โดยศิลปะแห่งการผสมผสานนั้นได้ก้าวข้ามขอบเขตของสิ่งที่จับต้องได้ไปแล้ว กลายเป็นวิถีชีวิตที่แท้จริง และนี่คือ วิถีของ Hublot
การเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปีของ BIG BANG – การเฉลิมฉลองแนวคิดที่มาปฏิวัติวงการของ BIG BANG
ในปี 2005 นาฬิกา Big Bang ได้เริ่มต้นยุคใหม่ในวงการนาฬิกาอย่างแท้จริง โดยสะท้อนถึงความเชื่อมโยงกับชื่อของตัวเองอย่างลึกซึ้ง นาฬิกาหลายเรือนแทบไม่เคยมีผลงานไหนที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงในวงการนาฬิกาสมัยใหม่ได้เหมือนกับนาฬิกา Big Bang เมื่อผ่านมา 20 ปีหลังจากการเปิดตัว ยังคงยืนหยัดเป็นสัญลักษณ์ของการผลิตนาฬิกาที่ไม่หยุดนิ่งในการผลักดันขอบเขตของสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน ด้วยวัสดุพิเศษและกลไกภายในที่พัฒนาขึ้นเอง เช่น Unico และ Meca-10 นาฬิกา Big Bang จึงกล้าที่จะแตกต่างจากประเพณีดั้งเดิม—แนวคิดที่ไม่เคยยอมรับอย่างเต็มที่ ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นและความหลากหลายในการใช้งาน นี่คือนาฬิกา Big Bang
30 เม.ย 2568
28 เม.ย 2568
28 เม.ย 2568