BOUCHERON Carte Blanche

Last updated: 8 ก.ค. 2568  |  31 จำนวนผู้เข้าชม  | 

BOUCHERON Carte Blanche

ปีนี้ BOUCHERON เฉลิมฉลองความงามของธรรมชาติผ่านสองคอลเลกชั่นไฮจิวเวลรี่ โดยเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา เมซงได้นำเสนอบทใหม่ของคอลเลกชั่น Histoire de Style ด้วย “Untamed Nature” ผลงานที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อเชิดชูวิสัยทัศน์ที่มีต่อธรรมชาติของ Frédéric Boucheron สำหรับคอลเลกชั่น Carte Blanche ปีนี้ Claire Choisne เลือกสะท้อนมุมมองแบบส่วนตัวที่สานต่อจินตนาการของเธอจากชิ้นงาน “Eternal Flowers” ในปี 2018 ด้วยการแปรเปลี่ยนความงามเพียงชั่วครู่ของดอกไม้ให้เป็นนิรันดร์ เธอมุ่งหมายที่จะถ่ายทอดแก่นแท้ของธรรมชาติผ่านคอลเลกชั่น “Impermanence” เครื่องประดับชั้นสูงที่เชื้อเชิญให้เราหยุดเพื่อสำรวจและทำความเข้าใจกับธรรมชาติอย่างลึกซึ้งขึ้น เพื่อรักษาความงดงามนี้ไว้ตราบนานเท่านาน

ด้วยแรงบันดาลใจจากศิลปะการจัดดอกไม้แบบอิเคบานะ และหลักปรัชญาวาบิซาบิของญี่ปุ่น Claire Choisne ได้ออกแบบคอมโพสิชั่นของพฤกษานานาพันธุ์กว่า 6 รูปแบบที่ความงดงามดูราวกับถูกหยุดไว้ในห้วงเวลาอันแสนเปราะบาง ตั้งแต่ “Composition n°6” ที่โปร่งแสง ไปจนถึง “Composition n°1” อันลุ่มลึก ผลงานแต่ละชิ้นเปรียบเสมือนตัวแทนของธรรมชาติที่ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเลือนหายไปตามกงล้อแห่งกาลเวลา “แสง” คือสายใยที่เชื่อมโยงคอลเลกชั่น “Impermanence” เข้าไว้ด้วยกัน จากความเจิดจรัสช่วงแรกเริ่ม สู่ความมืดมิดดั่งจุดหมายปลายทางของวัฏจักรธรรมชาติ คอมโพสิชั่นทั้งหกนี้ร้อยเรียงจากเครื่องประดับไฮจิวเวลรี่กว่า 28 ชิ้น ที่พร้อมเผยความงามบนเรือนกายได้อย่างไร้ที่ติ

Boucheron ภูมิใจนำเสนอ “Impermanence” ผลลัพธ์แห่งงานฝีมือชั้นสูงกว่า 18,000 ชั่วโมงของเมซง คอลเลกชั่นไฮจิวเวลรี่ Carte Blanche ในครั้งนี้ยังคงเดินหน้าท้าทายกรอบความคิดแบบดั้งเดิมของโลกแห่งเครื่องประดับ ทั้งในเชิงรูปทรงและการเลือกใช้นวัตกรรมวัสดุและเทคนิคที่คล้ำสมัย

“สำหรับคอลเลกชั่น Carte Blanche บทใหม่นี้ ดิฉันตั้งใจถ่ายทอดความงามชั่วขณะของธรรมชาติก่อนจะเลือนหายไป คอมโพสิชั่นทั้งหกนี้จึงเผยให้เห็นธรรมชาติที่แปรเปลี่ยนจากแสงสู่เงา เพื่อสะท้อนให้เห็นความงดงามชั่วพริบตาอันล้ำค่า คอลเลกชั่นเครื่องประดับไฮจิวเวลรี่กว่า 28 ชิ้นนี้ เปรียบดั่งบทกวีของห้วงเวลาอันแสนเปราะบาง ที่ควรค่าต่อการเก็บรักษาไว้ชั่วนิรันดร์” - Claire Choisne

วาบิซาบิ – 侘寂
วาบิซาบิ คือปรัชญาความงามและความคิดอันลึกซึ้งของญี่ปุ่นที่เชิดชูความไม่จีรัง ความไม่สมบูรณ์แบบ และการปล่อยให้กาลเวลาเดินไปตามธรรมชาติ แนวคิดนี้เชื้อเชิญให้เรามองเห็นคุณค่าในสิ่งที่เรียบง่าย หรือแม้แต่สิ่งที่โรยรา หรือไม่ครบสมบูรณ์ พร้อมโอบรับความเปราะบางและความผันแปรของชีวิต

อิเคบานะ – 生け花
อิเคบานะ คือศิลปะการจัดดอกไม้ของญี่ปุ่น ซึ่งมีความหมายตรงตัวว่า “การมอบชีวิตให้ดอกไม้”  วิถีการจัดดอกไม้แบบอิเคบานะเน้นไปที่ความเรียบง่าย ความสมดุล และความไม่สมมาตร เพื่อสร้างความงามอย่างลงตัว เชื่อมโยงกับปรัชญาวาบิซาบิที่โอบรับความไม่สมบูรณ์แบบและการเปลี่ยนผ่านตามกาลเวลา โดยแทนที่จะเลือกใช้ดอกไม้ในช่วงเวลาที่งดงามที่สุดเท่านั้น อิเคบานะให้คุณค่ากับทุกช่วงของชีวิต ตั้งแต่ดอกตูมและเริ่มผลิบานไปจนถึงร่วงโรย เพื่อให้เราได้ชื่นชมความงดงามในแต่ละขณะอย่างแท้จริง


composition n°6
ดอกทิวลิป ยูคาลิปตัส และแมลงปอ
สำหรับคอมโพสิชั่นนี้ ครีเอทีฟสตูดิโอนำเสนอความงามสง่าของดอกทิวลิปและยูคาลิปตัสที่ราวกับหยุดนิ่งอยู่ในม่านบางเบาโปร่งแสง Claire Choisne ถ่ายทอดจังหวะไหวสั่นของเกสรและเส้นโค้งอ่อนช้อยของกลีบดอกไม้ที่เหมือนสะกดไว้ชั่วขณะก่อนแสงจะตกกระทบ แจกันที่โอบล้อมพืชพรรณอันงดงามนี้ คืองานศิลป์ที่ขึ้นรูปด้วยมือจากแก้วบอโรซิลิเกต ซึ่งมาพร้อมการเล่นกับวัสดุอย่างมีชั้นเชิงด้วยเทคนิคการพ่นทรายที่ปลายแจกัน เพื่อสร้างความแตกต่างระหว่างผิวสัมผัสแบบแมตต์และแบบโปร่งใส

ครีเอทีฟไดเร็กเตอร์เลือกใช้แก้วบอโรซิลิเกตเพื่อถ่ายทอดความงามอันบอบบางของพรรณพืชเหนือกาลเวลาเหล่านี้ คุณสมบัติที่อ่อนตัวมากกว่าคริสตัลธรรมชาติทำให้วัสดุนี้เปิดพื้นที่ให้จินตนาการโลดแล่นได้อย่างไร้ขีดจำกัด เหล่าช่างฝีมือของ Boucheron รังสรรค์แก้วด้วยมืออย่างประณีตหลังจากฝึกฝนทักษะการเป่าแก้วจนเชี่ยวชาญถึงขั้นสามารถผลักดันขีดจำกัดของวัสดุนี้ ให้บางได้ถึงเพียง 2 มิลลิเมตร รายละเอียดทุกกระเบียดนิ้วถูกเนรมิตด้วยความแม่นยำระดับสูง เติมเต็มความมีชีวิตชีวาให้กับเส้นก้าน ลายเส้นของใบ และกลีบดอกไม้ แม้แต่เกสรที่โอบล้อมเกสรกลางยังสามารถเคลื่อนไหวได้ราวมีชีวิต เพชรที่ฝังประดับเรียงรายเพิ่มประกายแสงละมุนที่ขับเน้นความใสบริสุทธิ์ดุจคริสตัลของเนื้อแก้วให้เจิดจรัสอย่างลงตัว

นอกจากนี้ยังมีแมลงปอที่บินมาเกาะบนชิ้นงาน ความท้าทายทางเทคนิคอยู่ที่การถ่ายทอดรายละเอียดอันละเมียดละไมของปีกที่บางเฉียบเพียงไม่ถึงหนึ่งมิลลิเมตร โดยรังสรรค์จากการซ้อนทับของแก้วแซฟไฟร์บนแผ่นฟิล์มมาเธอร์ออฟเพิร์ล สะท้อนแสงเหลือบเงาอย่างเป็นธรรมชาติ เส้นลายของปีกตัดด้วยเลเซอร์เพื่อขับเน้นความสมจริง ส่วนลำตัวทองคำขาวของแมลงปอเปล่งประกายด้วยการประดับเพชร

คอมโพสิชั่นนี้ออกแบบมาให้กิ่งยูคาลิปตัสสามารถหยิบขึ้นมาเป็นเข็มกลัดหรือเครื่องประดับผม ส่วนดอกทิวลิปสามารถเปลี่ยนโฉมเป็นเข็มกลัด ขณะที่แมลงปอสามารถห้อยระย้าประดับจากใบหู

Composition N°6 มาพร้อมดอกทิวลิป กิ่งยูคาลิปตัส และแมลงปอที่รังสรรค์ขึ้นจากแก้วบอโรซิลิเกตหรือแก้วแซฟไฟร์ และมาเธอร์ออฟเพิร์ล ซึ่งประดับด้วยเพชรและทองคำขาว ทั้งหมดนี้จัดวางในแจกันแก้วบอโรซิลิเกตบนฐานวัสดุคอมโพสิตสีดำ เครื่องประดับชิ้นนี้ออกแบบสไตล์มัลติแวร์ ทำให้สามารถสวมใส่ได้หลากหลายรูปแบบ โดยอาศัยฝีมืองานช่างกว่า 1,860 ชั่วโมง


composition n°5
ดอกทิสเซิล และด้วงแรด
Boucheron เฉลิมฉลองให้กับความงามตามธรรมชาติอย่างแท้จริงของดอกทิสเซิล Claire Choisne มุ่งมั่นที่จะถ่ายทอดพลังความแข็งแกร่งของดอกไม้อันแสนองอาจนี้โดยไม่ลดทอนความอ้อนช้อยลงแม้แต่น้อย ดอกทิสเซิลสองดอกชูช่ออย่างมาดมั่น ทุกรายละเอียดอย่างหนามและใบแหลมดูประณีตจนแทบสัมผัสได้ถึงความแหลมคมสมจริง ดอกไม้ทั้งหมดจัดวางอยู่ในแจกันที่รังสรรค์จากวัสดุคอมโพสิตอย่างงดงาม

หัวดอกทิสเซิลทรงแหลมคือตัวอย่างของนวัตกรรมสุดล้ำ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในวงการไฮจิวเวลรี่ที่นำการพิมพ์สามมิติความละเอียดสูงมาใช้ร่วมกับเรซินจากพืชธรรมชาติ แม้เทคนิคใหม่นี้จะเปิดโอกาสให้สามารถถ่ายทอดรายเอียดความสมจริงได้อย่างน่าทึ่ง แต่กลับกลายเป็นความท้าทายครั้งสำคัญสำหรับทีมช่างฝีมือเนื่องจากไม่มีโครงสร้างโลหะภายใน จึงไม่สามารถฝังเพชรได้แม้แต่เม็ดเดียว ความท้าทายนี้นำไปสู่การผลักดันเทคนิคใหม่ในชื่อเรียก “กูตูร์” เซตติ้ง หรือการฝังเพชรแบบเย็บทีละเม็ด โดยใช้การฝังแบบเบเซลก่อนเย็บลงในโพรงเล็กๆ บนพื้นผิวของดอกทิสเซิลซึ่งมีลักษณะคล้ายโครงข่ายพืช สำหรับดอกทิสเซิลขนาดใหญ่ใช้เพชรกว่า 600 เม็ด ส่วนดอกเล็กใช้เพชรมากกว่า 200 เม็ด นับเป็นงานฝีมือที่อาศัยความละเอียดแม่นยำขั้นสูงสุด ก้าน หนาม และใบของดอกทิสเซิลรังสรรค์จากทองคำขาว ประดับเพชร ก่อนเคลือบด้วยเซรามิกขาวอย่างเบาบางและพิถีพิถัน เพื่อผิวสัมผัสที่ดูกลมกลืนจนแทบไม่เห็นส่วนของโลหะ ด้านใต้ของใบไม้ฉลุลายลูกไม้โปร่งทรงออร์แกนิกเพื่อเพิ่มประกายให้กับเพชรในทุกองศาแสง

ด้วงแรดที่เนรมิตขึ้นจากทองคำขาวเคลือบเซรามิกและประดับเพชรขยับตัวเข้ามาราวกับถูกดึงดูดโดยองค์ประกอบสีขาวบริสุทธิ์อันเจิดจรัสนี้

คอมโพสิชั่นนี้ออกแบบมาให้ทิสเซิลดอกใหญ่สามารถถอดออกมาเป็นเข็มกลัด หรือสวมใส่เป็นเครื่องประดับสายสะพายข้างที่มาพร้อมสายทำจากวัสดุชีวภาพซึ่งถือเป็นครั้งแรกในวงการไฮจิวเวลรี่ ส่วนทิสเซิลดอกเล็กสามารถถอดแยกเพื่อสวมเป็นแหวนสองนิ้วได้อย่างโดดเด่น ขณะที่ด้วงแรดสามารถนำมาสวมเป็นเข็มกลัด

Composition N°5 นำเสนอความงามของดอกทิสเซิลและด้วงแรด ที่รังสรรค์ด้วยการเคลือบเซรามิกสีขาว ประดับด้วยเพชรและทองคำขาว แต่ละชิ้นจัดวางในแจกันวัสดุคอมโพสิตสีขาวบนฐานวัสดุคอมโพสิตสีดำ เครื่องประดับชิ้นนี้ออกแบบสไตล์มัลติแวร์ ทำให้สามารถสวมใส่ได้หลากหลายรูปแบบ โดยอาศัยฝีมืองานช่างกว่า 2,880 ชั่วโมง


composition n°4
ดอกไซคลาเมน รวงข้าวโอ๊ต หนอนผีเสื้อ และผีเสื้อ
คอมโพสิชั่นนี้เล่นกับความแตกต่างของแสงและพื้นผิวโดยการนำรวงข้าวโอ๊ตและดอกไซคลาเมนมาร้อยเรียงเข้าด้วยกัน Claire Choisne ชุบชีวิตให้พืชทั้งสองดูราวกับปลิวไหวไปตามสายลม บางเบาอยู่กลางอากาศ ลอยค้างอยู่ในเสี้ยววินาทีที่ธรรมชาติมีชีวิตขึ้นมา ผลงานเปี่ยมชีวิตชีวานี้จัดวางอยู่ในแจกันทองคำขาว ประดับเพชรทั้งใบด้วยเทคนิคแบบสโนว์เซตติ้ง

ความโดดเด่นเหนือระดับของผลงานชิ้นนี้อยู่ที่การบรรจงฝังเพชรทรงโรสคัตกว่า 700 เม็ดลงบนกลีบดอกไซคลาเมนที่รังสรรค์ขึ้นจากทองคำขาว เพชรแต่ละเม็ดมาพร้อมรูปทรงและขนาดอันหลากหลาย ซึ่งเรียงร้อยกันอย่างดงามราวกับกระจกสี เพชรทุกเม็ดได้รับการคัดเลือกอย่างพิถีพิถันเพื่อให้กลมกลืนไปกับดีไซน์อันพลิ้วไหวของดอกไม้อย่างสมบูรณ์แบบ ส่วนโลหะแทบจะเลือนหายไปใต้ประกายเจิดจรัสของเพชรทรงโรสคัตที่สลับแซมด้วยเพชรทรงกลม เผยให้เห็นถึงศิลปะแห่งงานฝีมือชั้นสูงของ Boucheron อย่างแท้จริง เส้นขอบกลีบตัดด้วยแลคเกอร์สีดำเสริมประกายเพชรให้โดดเด่นยิ่งขึ้น ความทุ่มเทในการถ่ายทอดความสมจริงยังลงลึกถึงทุกอณูรายละเอียดอย่างกลีบเลี้ยงแหลมใต้กลีบดอกซึ่งเป็นจุดบรรจบระหว่างกลีบกับตัวก้าน โดยรังสรรค์ด้วยคริสตัลธรรมชาติที่มีเหลี่ยมมุมเล่นแสงระยิบระยับ คริสตัลธรรมชาติถูกเจียระไนแต่ละชิ้นให้สอดรับกับสัดส่วนของดอกไม้แต่ละดอกอย่างแม่นยำ 

นอกจากนี้ครีเอทีฟสตูดิโอยังจินตนาการรวงข้าวโอ๊ตขึ้นใหม่ในรูปของไทเทเนียมเคลือบสีดำที่แกะสลักอย่างประณีตจนเห็นรายละเอียดของรวงเล็กแต่ละช่อพร้อมแต่งแต้มด้วยการประดับเพชร ภายในดอกแต่ละช่อตัดกันด้วยการเคลือบเซรามิกสีดำประกายราวเงาสะท้อนอันลึกล้ำ คอมโพสิชั่นของพฤกษาชวนฝันเหล่านี้ตั้งอยู่บนก้านไทเทเนียมเคลือบ DLC สีดำแมตต์ ที่มอบทั้งความแข็งแกร่งและความอ่อนช้อยให้กับชิ้นงาน 

แมลงทั้งสองอย่างหนอนผีเสื้อและผีเสื้อต่างอาศัยอยู่ร่วมกันท่ามกลางธรรมชาตินี้อย่างงดงาม หนอนผีเสื้อรังสรรค์ขึ้นจากทองคำขาวประดับเพชรหรูหราและสปิเนลสีดำทรงมน ขนเส้นเล็กละเอียดถูกจำลองขึ้นด้วยเส้นใยจากพู่กัน ชนิดเดียวกับที่ใช้ในครีเอทีฟสตูดิโอของเมซง กลไกภายในช่วยให้ลำตัวสามารถโค้งงอหรือแผ่ราบได้เสมือนคลานอยู่บนแจกัน ถือเป็นการถ่ายทอดการเคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตนี้ได้อย่างน่าทึ่ง ขณะที่ผีเสื้อสยายปีกทองคำขาวประดับเพชรแบบสโนว์เซตติ้งที่แทรกด้วยเส้นขอบแลคเกอร์สีดำ

คอมโพสิชั่นนี้ออกแบบมาให้ดอกไซคลาเมนมีกลไกหมุนภายในที่ทำให้สามารถแปลงโฉมเป็นกำไลข้อมือหรือเข็มกลัดได้ รวงข้าวโอ๊ตบางเบาตามธรรมชาติสามารถกลายเป็นเครื่องประดับผม หนอนผีเสื้อกลายเป็นเข็มกลัด และผีเสื้อสามารถเกาะเป็นเครื่องประดับผมได้เช่นกัน

Composition N°4 มาพร้อมดีไซน์ของดอกไซคลาเมน รวงข้าวโอ๊ต หนอนผีเสื้อ และผีเสื้อ ประดับเพชรและสปิเนลสีดำ ผสานด้วยคริสตัลธรรมชาติและแลคเกอร์สีดำบนตัวเรือนไทเทเนียมและทองคำขาว แจกันทองคำขาวประดับเพชรทั้งใบวางบนฐานวัสดุคอมโพสิตสีดำ เครื่องประดับชิ้นนี้ออกแบบสไตล์มัลติแวร์ ทำให้สามารถสวมใส่ได้หลากหลายรูปแบบ โดยอาศัยฝีมืองานช่างกว่า 4,279 ชั่วโมง 


composition n°3
ดอกไอริส วิสทีเรีย และด้วงกวาง
ดอกไอริสและวิสทีเรียถูกนำมาจัดวางเข้าด้วยกันในองค์ประกอบโทนสีดำสนิท ตัดกับประกายเจิดจรัสของเพชรที่สร้างความสมดุลให้กับชิ้นงานอย่างลงตัว ดอกไม้อันงดงามทั้งสองแย้มกลีบอย่างสง่างามในรูปแบบสามมิติที่ดูราวกับล่องลอยไร้น้ำหนักในอากาศ แจกันไทเทเนียมและอลูมิเนียมที่รองรับดอกไม้เหล่านี้สานต่อสีสันอันโดดเด่นผ่านผิวสัมผัสที่ประดับสปิเนลสีดำแบบพาเว่อย่างประณีต

ดอกไอริสเผยโฉมผ่านจุดตัดอย่างชัดเจนของสีขาวและดำบนกลีบที่แย้มบาน เหล่าช่างฝีมือของ Boucheron ต่างร่วมกันสำรวจเฉดสีดำต่างๆ ที่เกิดจากการเคลือบ DLC สีดำ เพื่อสร้างสรรค์ผิวสัมผัสที่หลากหลาย ทั้งการตกแต่งแบบแมตต์บนบางส่วนของกลีบ และแบบมันเงาที่ปรากฏเป็นลายเส้นตามธรรมชาติ เพชรฝังประดับลงบนทองคำขาวสร้างเส้นสายสีขาวให้กับพื้นผิวของกลีบดอกไม้ ส่วนขอบกลีบเปล่งประกายจากเพชรที่ฝังแนบโดยตรงบนไทเทเนียม เกสรดอกไม้รังสรรค์ด้วยความพิถีพิถัน โดยเกสรขนาดเล็กทำจากไทเทเนียมเคลือบ DLC สีดำ ตัดกับเกสรขนาดใหญ่ที่ขึ้นรูปด้วยการพิมพ์เรซินแบบสามมิติ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์ดอกไม้ให้เสมือนจริง ช่างฝีมือของเมซงจึงใช้ทักษะถ่ายทอดรายละเอียดของธรรมชาติออกมาอย่างครบถ้วนที่สุด แม้แต่ดอกตูมเล็กๆ ก็ถูกแต่งแต้มด้วยสปิเนลสีดำอย่างประณีต ใบของดอกไอริสดูราวกับเคลือบด้วยหยาดน้ำค้างยามเช้า จากประกายอันบางเบาของเพชรที่เรียงตัวเป็นแนวสองเส้น และความเปล่งประกายของหยดคริสตัลธรรมชาติทั้งสองที่วางเรียงกัน ส่วนก้านดอกไม้ไทเทเนียมเคลือบ DLC สีดำแมตต์มอบสมดุลให้กับทั้งความงดงามและความแกร่งกล้าของชิ้นงาน

ดอกวิสทีเรียมอบสองโจทย์สุดท้าทายในการรังสรรค์ คือชิ้นงานต้องน้ำหนักเบาที่สุด แต่ยังคงความแข็งแกร่งไว้อย่างไร้ที่ติ ซึ่งช่างฝีมือของเมซงสามารถเนรมิตขึ้นมาได้ด้วยการเลือกใช้วัสดุน้ำหนักเบาอย่างเซรามิก ไทเทเนียม และอลูมิเนียม จนสามารถควบคุมน้ำหนักรวมของชิ้นงานไว้ที่เพียง 150 กรัม การรังสรรค์ช่อดอกไม้ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญชั้นสูงเพื่อประกอบชิ้นส่วนกว่า 100 ชิ้นเข้าด้วยกันเพื่อให้แข็งแรงทนทานเหนือระดับ แต่ละองค์ประกอบถูกจัดวางด้วยมืออย่างละเอียดบรรจง เพื่อให้ช่อดอกวิสทีเรียแต่ละช่อทิ้งตัวลงอย่างเป็นธรรมชาติ เพชรที่ฝังประดับแบบพาเว่บนกลีบและใบสะท้อนประกายแสงกลับเพื่อขับเน้นชิ้นงานให้โดดเด่นยิ่งขึ้น พร้อมเติมเต็มความงามให้กับบรรดาวัสดุอันหลากหลายด้วยเซรามิกสีขาวที่แต้มลงบนกลีบทั้งดอกเล็กและดอกตูม เพื่อเพิ่มมิติของพื้นผิวและถ่ายทอดความหมายของชิ้นงานได้อย่างสมบูรณ์แบบ 

ด้วงกวางตัวหนึ่งแอบซุกซ่อนอยู่ที่ฐานของชิ้นงาน ราวกับกำลังดื่มด่ำกับกลิ่นหอมอันเย้ายวนของมวลดอกไม้ ลำตัวขึ้นรูปจากไทเทเนียม สลับด้วยแถบทองคำขาว พร้อมเคลือบผิวสัมผัสด้วย DLC สีดำซึ่งตัดกับประกายของเพชรฝังประดับแบบพาเว่อย่างเด่นชัด ส่วนขาทั้งหมดรังสรรค์จากไทเทเนียมเคลือบ DLC สีดำแมตต์ ขณะที่เขี้ยวขนาดใหญ่สะดุดตาเนรมิตขึ้นจากไทเทเนียมสีเทาเคลือบ DLC สีดำแมตต์ผิวสัมผัสหยาบ 

คอมโพสิชั่นนี้ออกแบบมาให้ดอกไอริสสามารถถอดออกเป็นเข็มกลัดติดบ่า ช่อดอกวิสทีเรียมาพร้อมกลไกแบบหวีซึ่งช่วยให้สามารถประดับบนเรือนผมหรือกลัดเข้ากับเสื้อผ้า ส่วนด้วงกวางสามารถใช้เป็นเข็มกลัด

Composition N°3 นำเสนอดอกไอริส ดอกวิสทีเรีย และด้วงกวาง ที่รังสรรค์ขึ้นจากการประดับเพชร ผสมผสานกับเซรามิกสีขาว อลูมิเนียม ไทเทเนียม และทองคำขาว แจกันอลูมิเนียมและไทเทเนียมประดับสปิเนลสีดำทั่วทั้งชิ้นตั้งอยู่บนฐานวัสดุคอมโพสิตสีดำ เครื่องประดับชิ้นนี้ออกแบบสไตล์มัลติแวร์ ทำให้สามารถสวมใส่ได้หลากหลายรูปแบบ โดยอาศัยฝีมืองานช่างกว่า 4,685 ชั่วโมง 


composition n°2
ต้นแมกโนเลียและตั๊กแตนกิ่งไม้
สำหรับคอมโพสิชั่นนี้ Boucheron มุ่งสำรวจเส้นแบ่งระหว่างแสงและเงาผ่านดอกแมกโนเลียที่มีเค้ารางราวกับร่างเงาที่หลงเหลือเพียงโครงสร้างคล้ายกระดูก Claire Choisne ตั้งใจถ่ายทอดมิติอันงดงามของต้นแมกโนเลียที่แผ่ขยายกิ่งก้านออกอย่างเสรี กิ่งไม้พาดผ่านบนแนวราบอย่างบอบบางทว่าสมดุล พร้อมประดับประดาด้วยดอกไม้ซึ่งเหลือเพียงเส้นเงาเลือนรางของความงามในอดีต ผลงานทั้งหมดนี้ถูกจัดวางอยู่บนแจกันวัสดุคอมโพสิตสีดำแมตต์

เพื่อให้ดูสมจริงดุจดั่งมีชีวิต ช่างฝีมือของเมซงได้สแกนต้นแมกโนเลียของจริงทั้งส่วนกิ่ง ดอก และดอกตูม และค้นพบว่าความท้าทายของงานชิ้นนี้คือการเนรมิตกิ่งก้านแนวราบของต้นแมกโนเลียโดยให้ถ่วงดุลกับรูปทรงแบบอสมาตรตามธรรมชาติ การเลือกใช้อลูมิเนียมจึงตอบโจทย์ทั้งในแง่ของน้ำหนักที่เบาและผิวสัมผัสสีขาวมันเงาช่างอัญมณีของ Boucheron บรรจงประดับเพชรแบบสโนว์เซตติ้งบนโครงสร้างโลหะเพื่อมอบความรู้สึกเป็นธรรมชาติ กลีบดอกอลูมิเนียมเคลือบอโนไดซ์สีดำโดดเด่นเป็นประกายด้วยเพชรที่ฝังตัวเรียงเส้นอย่างกลมกลืนไปกับพื้นผิว เพชรที่ประดับอยู่กลางดอกไม้บนตัวเรือนทองคำขาวถูกจัดวางกลับด้านโดยหันปลายแหลมออกทำให้เกิดประกายเล่นแสงที่น่าทึ่ง ส่วนเกสรถ่ายทอดความสมจริงตามธรรมชาติผ่านทองคำขาวเคลือบโรเดียมสีดำฝังเพชรเช่นกันใบไม้สีเงินมาพร้อมผิวสัมผัสเคลือบโรเดียมประดับเพชรด้วยเทคนิคแบบฟิเลต์บริเวณด้านหน้า ซึ่งตัดกับด้านหลังที่เคลือบเซรามิกสีดำ แต่งแต้มกิ่งดอกไม้ให้ดูโปร่งเบาอย่างสมบูรณ์แบบด้วยดอกตูมขนาดเล็กที่รังสรรค์จากทองคำขาวเคลือบโรเดียม ประดับด้วยเพชรเจียระไนแบบโรสคัตและบริลเลียนต์คัตหลากหลายรูปทรง

ตั๊กแตนกิ่งไม้เร้นกายอยู่ภายในโลกแห่งแสงและเงานี้อย่างเงียบงาม ตัวเรือนเนรมิตขึ้นจากทองคำขาวเคลือบโรเดียม ลำตัวและปีกระยิบระยับด้วยการประดับเพชรแบบเกรนเซตติ้ง พร้อมเพชรทรงหยดน้ำที่ประดับบนส่วนศีรษะดุจมงกุฎ การรังสรรค์ขาอันเรียวบางของแมลงชนิดนี้คือบททดสอบทางเทคนิคของงานฝีมือชั้นสูง เพราะต้องอาศัยความละเอียดแม่นยำอย่างไร้ที่ติในทุกขั้นตอน

คอมโพสิชั่นนี้ออกแบบมาให้ต้นแมกโนเลียสามารถเปลี่ยนเป็นเครื่องประดับศีรษะหรือสร้อยคอแบบสวมชิดลำคอ ส่วนตั๊กแตนกิ่งไม้สามารถถอดออกกลายเป็นเข็มกลัดได้

Composition n°2 มาพร้อมดีไซน์ของกิ่งแมกโนเลียและตั๊กแตนกิ่งไม้ที่รังสรรค์ด้วยวัสดุอลูมิเนียม และเซรามิกเคลือบสีดำและทองคำขาว ประดับเพชรทั้งชิ้น แจกันและฐานทำจากวัสดุคอมโพสิตสีดำ เครื่องประดับชิ้นนี้ออกแบบสไตล์มัลติแวร์ ทำให้สามารถสวมใส่ได้หลากหลายรูปแบบ โดยอาศัยฝีมืองานช่างกว่า 2,800 ชั่วโมงในการรังสรรค์


composition n°1
ดอกป๊อปปี้ ดอกสวีตพี และผีเสือ
Claire Choisne ตั้งใจออกแบบชิ้นงานที่ทำให้แสงเลือนลับดับไป โดยปล่อยให้ดอกป๊อปปี้และดอกสวีตพีบานสะพรั่งท่ามกลางความมืดมิดสุดลึกล้ำเหนือจินตนาการ เงาดำคลี่คลุมดอกไม้อย่างแนบชิด ไล้ไปตามรูปร่างและกลีบดอกประหนึ่งเป็นมวลสสาร ทั้งหมดนี้จัดวางอยู่บนแจกันทรายดำที่ขึ้นรูปด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติ

นวัตกรรมที่ล้ำสมัยที่สุดของคอลเลกชั่นนี้ซ่อนอยู่ภายในดอกป๊อปปี้ กลีบไทเทเนียมสีดำแมตต์แกะลายเส้นด้วยมืออย่างประณีต ก่อนเคลือบด้วย Vantablack® หนึ่งในวัสดุที่มืดมิดที่สุด ซึ่งมีคุณสมบัติดูดซับแสงได้ถึง 99.965% ผลลัพธ์คือภาพลวงตาอันทรงพลัง ราวกับสลายหายไปในความเวิ้งว้างว่างเปล่าไร้ตัวตน ใจกลางดอกไม้ประดับด้วยสปิเนลสีดำทั้งแบบกลับหัวขึ้นและลง สะท้อนแสงอันริบหรี่ที่ยังพอสามารถเล็ดลอดผ่านความดำมืดเข้ามาได้ กลุ่มเกสรกลางดอกคืออีกหนึ่งบทพิสูจน์ถึงศาสตร์และศิลป์ชั้นสูงของ Boucheron ช่างฝีมือของเมซงสามารถดึงเส้นทองคำให้บางเฉียบถึงขีดสุด ก่อนตกแต่งปลายเล็กเรียวด้วยสปิเนลสีดำและการฝังเพชรแบบเบเซล เติมเต็มความงดงามของดอกป๊อปปี้ด้วยส่วนก้านที่รังสรรค์ขึ้นจากไทเทเนียมสีดำแมตต์ประดับสปิเนลสีดำ ดอกสวีตพีเผยเส้นสายอันอ่อนช้อยของเถาไทเทเนียมที่พันเกี่ยวกันอย่างสง่างามพร้อมประดับสปิเนลสีดำแบบฝังจม ตัวดอกเกิดจากการแกะสลักออนิกซ์และแก้วอเวนจูรีนสีดำอย่างประณีตนานกว่าหลายชั่วโมงเพื่อให้กลีบมีความบอบบางละมุนละไมประหนึ่งมีชีวิต ขับเน้นบทกวีของสีดำให้ลุ่มลึกมากยิ่งขึ้นด้วยกลีบดอกไม้ที่ขึ้นรูปจากไทเทเนียมสีดำและตกแต่งผิวสัมผัสอย่างละเอียดด้วยมือ

ท่ามกลางความมืดมิดนี้ ผีเสื้อตัวหนึ่งโบยบินอย่างเงียบงันราวกับเงาเลือนราง ลำตัวของผีเสือขึ้นโครงด้วยไทเทเนียมสีดำแมตต์และประดับด้วยสปิเนลสีดำ ส่วนปีกถูกรังสรรค์จากกระจกสีดำโปร่งใสที่ตกแต่งลายเส้นเงาวาวตัดกับพื้นผิวด้านแมตต์ กระจกที่พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษนี้มอบเอฟเฟกต์โปร่งแสงอย่างละเมียดละไมให้กับชิ้นงาน และเพื่อสานต่อจุดเด่นแห่งนวัตกรรม องค์ประกอบทั้งหมดนี้ยังถูกจัดวางอยู่บนแจกันที่ขึ้นรูปจากทรายสีดำด้วยเทคนิคการพิมพ์แบบสามมิติ

คอมโพสิชั่นนี้ออกแบบมาให้ดอกป๊อปปี้สามารถถอดออกจากแจกันและกลายเป็นที่คาดผมหรือเข็มกลัด ดอกสวีตพีสามารถใช้เป็นเข็มกลัดหลากหลายรูปแบบ ส่วนผีเสื้อดูราวกับโบยบินมาเกาะบนบ่าผู้สวมใส่ด้วยกลไกเข็มกลัดแม่เหล็ก

Composition N°1 ประกอบด้วยดอกป๊อปปี้ กิ่งดอกสวีตพี และผีเสื้อ ที่รังสรรค์ขึ้นจากอเวนจูรีนและแก้วสีดำ ประดับด้วยเพชร สปิเนลสีดำ รวมถึงออนิกซ์ลงสีที่ดูดซับแสงถึง 99.4% อย่าง Vantablack® และไทเทเนียม ส่วนแจกันทรายดำตั้งอยู่บนฐานวัสดุคอมโพสิตสีดำ เครื่องประดับชิ้นนี้ออกแบบสไตล์มัลติแวร์ ทำให้สามารถสวมใส่ได้หลากหลายรูปแบบ โดยอาศัยฝีมืองานช่างกว่า 2,004 ชั่วโมง

เกี่ยวกับ BOUCHERON
Boucheron ก่อตั้งขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1858 โดย Frédéric Boucheron และกิจการได้เติบโตอย่างต่อเนื่องภายใต้การดูแลของทายาทสายตรงถึงสี่รุ่น ในฐานะนักออกแบบผู้มีมุมมองกว้างไกลอีกทั้งยังเป็นนักธุรกิจเครื่องประดับอัญมณีรายแรกท่ามกลางคู่แข่งร่วมสมัยที่ตัดสินใจเปิดบูติกขึ้น ณ จัตุรัสว็องโดม Boucheron ได้สร้างอาณาจักรอันครองตำแหน่งสุดยอดแห่งความเป็นเลิศในงานเครื่องประดับอัญมณี เครื่องประดับชั้นสูง และนาฬิกาข้อมือท่ามกลางเมซงแถวหน้ามาจนถึงทุกวันนี้ งานออกแบบสไตล์ Boucheron สะท้อนถึงความกล้าในการใช้ความคิดสร้างสรรค์อย่างอิสระ ปราศจากขอบเขตข้อจำกัดด้วยการนำทุกความคลาสสิกมารังสรรค์ให้กลายเป็นผลงานแห่งโลกอนาคตอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน Boucheron มีบูติกกว่า 90 สาขาทั่วโลกภายใต้การบริหารของ Kering กลุ่มบริษัทสินค้าหรูระดับสากล

@boucheron #Boucheron

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้