Last updated: 12 ส.ค. 2568 | 34 จำนวนผู้เข้าชม |
LAUREATO SKELETON ASTON MARTIN EDITION
Laureato Skeleton Aston Martin Edition ผลงานแห่งการหลอมรวมระหว่าง “พลัง” และ “ความแม่นยำ” ได้อย่างลงตัว ด้วยตัวเรือนที่ผลิตจากเซรามิกสีดำที่ผ่านการออกแบบอย่างพิถีพิถัน พื้นหน้าปัดโอเพ่นเวิร์คเผยให้เห็นกลไกที่สะกดทุกสายตา ทุกโครงสร้าง สะพานจักรกลขอบมุมและพื้นผิวได้รับการขัดแต่งด้วยมืออย่างบรรจง สะท้อนถึงความเชี่ยวชาญระดับสูงในงานศิลป์ ภายในบรรจุกลไกเที่ยงตรงแม่นยำทุกรายละเอียดเปรียบเสมือนภาพสะท้อนของเส้นสายอันโฉบเฉี่ยวและเทคโนโลยีขั้นสูงของยนตรกรรมระดับตำนานจาก Aston Martin
RECOGNIZABLE ABOVE ALL
“Aston Martin และ Girard-Perregaux ต่างเป็นแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์และเป็นที่จดจำได้ทันทีในโลกของตนเอง สิ่งที่หลอมรวมให้ทั้งสองแบรนด์โดดเด่นมีเอกลักษณ์ คือความสง่างามและ
จิตวิญญาณแห่งความสปอร์ต และภาษาการออกแบบที่สืบทอดอย่างมั่นคงเหนือกาลเวลา" กล่าวโดย Mr. Marc Michel-Amadry กรรมการผู้จัดการ Girard-Perregaux
ด้าน Mr. Marek Reichman รองประธานบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสร้างสรรค์ Aston Martin เสริมว่า “ความท้าทายที่เราเผชิญ คือการรักษาความเป็นเลิศที่ยึดมั่นมาตลอด ทั้งในด้านสัดส่วน ประสิทธิภาพ และภาพลักษณ์ที่ชัดเจนและแตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์”
โดย Girard-Perregaux และ Laureato Skeleton Aston Martin Edition สามารถถ่ายทอดแนวคิดเดียวกันในโลกแห่งศิลปะแห่งการประดิษฐ์นาฬิการะดับสูง ตัวเรือนและสายนาฬิการุ่นใหม่ยังคงยึดในดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ของ Laureato รุ่นดั้งเดิมที่เปิดตัวในปี 1975 โดยถ่ายทอดเส้นสายและองค์ประกอบอันโดดเด่น อย่างไรก็ตาม ในการสร้างสรรค์ครั้งนี้ โรงงานผลิตในสวิสได้เลือกใช้ วัสดุเซรามิก ซึ่งมีความแข็งแกร่งมากกว่าสเตนเลสสตีลถึงเจ็ดเท่า และสามารถทนต่อรอยขีดข่วนได้เป็นอย่างดี นอกจากความทนทาน เซรามิกยังมีน้ำหนักเบา ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ และมอบผิวสัมผัสที่เรียบลื่น อีกทั้งขอบตัวเรือนทรงแปดเหลี่ยมที่เป็นซิกเนเจอร์ของ Laureato ยังผลิตด้วยเซรามิก พร้อมตกแต่งด้วยลวดลายขัดซาตินแบบวงกลม
ขณะที่ตัวเรือนเซรามิกใช้การตกแต่งแบบขัดซาตินในแนวนอน ตามรูปแบบของนาฬิกา Laureato สายนาฬิกายังคงยึดดีไซน์ในรูปแบบ Integrated Bracelet แต่ในรุ่นนี้ผลิตจากเซรามิก พร้อมการตกแต่งผิวแบบขัดเงาสลับขัดซาตินเช่นกัน
เข็มบอกเวลาชั่วโมงและนาทีได้รับการออกแบบในรูปแบบสเกเลตัน เช่นเดียวกับหลักชั่วโมงแบบลอยตัว ซึ่งทั้งหมดเคลือบด้วยสีเขียวดูโดดเด่น ชวนให้นึกถึงเฉดสี Racing Green อันเป็นเอกลักษณ์ของ Aston Martin เปล่งประกายเรืองแสงสีเขียวในสภาพแสงน้อย นาฬิการุ่นนี้ยังมาพร้อมกับเข็มวินาทีสเกเลตันขนาดเล็ก ที่จัดวางอย่างอย่างลงตัวในตำแหน่ง 10 นาฬิกา ทุกรายละเอียดถูกออกแบบอย่างพิถีพิถัน เพื่อมอบความชัดเจนในการอ่านค่าเวลา ขณะเดียวกันก็ยังคงความโปร่งของกลไก
ตัวเรือนและสายนาฬิการุ่นใหม่ยังคงยึดในดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ของ Laureato รุ่นดั้งเดิมที่เปิดตัวในปี 1975
UNCOMPROMISING VIEW ON EXPERTISE
ต่างจากนาฬิการูปแบบดั้งเดิมที่มาพร้อมหน้าปัดปิดทึบ นาฬิการุ่นสเกเลตันนี้เผยให้เห็นความซับซ้อนของกลไกภายใน กลไกโอเพ่นเวิร์ก GP01800 ถูกนำเสนอให้เห็นเต็มตาผ่านกระจกแซฟไฟร์ทั้งด้านหน้าและด้านหลังของตัวเรือน มอบประสบการณ์ในการชื่นชมกลไกที่ปกติแล้วถูกซ่อนไว้ด้านในตัวเรือน ไม่ว่าจะเป็น ลานสปริง ที่เผยให้เห็นในหลากหลายระดับของการขึงตัว, บาลานซ์วีล ที่ส่ายแกว่งด้วยความแม่นยำ, แฮร์สปริง ที่เต้นเป็นจังหวะ และ พาเลตเลเวอร์ ซึ่งทำงานสอดประสานกับ เอสเคปวีล ได้อย่างสมบูรณ์แบบ องค์ประกอบทางกลไกทั้งหมดรังสรรค์ขึ้นอย่างตั้งใจ เต็มไปด้วยชีวิตชีวา และเปี่ยมด้วยเสน่ห์แห่งงานวิศวกรรมชั้นสูง ฝาหลังตัวเรือนประดับด้วยโลโก้ Aston Martin แบบเมทัลไลซ์ ยกระดับความหรูหราให้โดดเด่นยิ่งขึ้นในทุกมิติ ทุกองค์ประกอบของการออกแบบได้รับการพัฒนาและปรับแต่ง เพื่อมอบประสบการณ์ที่น่าหลงใหล เติมเต็มเสน่ห์และสะท้อนถึงพลังแห่งความแม่นยำทางวิศวกรรม
กลไก GP01800 ผลิตขึ้นภายในโรงงานของแบรนด์ คือผลลัพธ์ความเชี่ยวชาญด้านการผลิตนาฬิกาที่สั่งสมมายาวนานกว่า 230 ปี โดยกลไกดังกล่าวแสดงให้เห็นการตกแต่งด้วยมือถึง 55 จุด ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์แห่งศิลปะการทำนาฬิกาชั้นสูง แผ่นฐานหลักและสะพานจักร เคลือบด้วย PVD สีดำ พร้อมตกแต่งด้วยเทคนิคดั้งเดิมถึง 4 รูปแบบ ได้แก่ การขัดเหลี่ยมขอบ, การพ่นทราย, การขัดลายเส้นตรง, และการขัดซาตินแบบวงกลม ซึ่งล้วนดำเนินการด้วยมืออย่างบรรจง โรเตอร์สเกเลตันผลิตจากทองคำ ตกแต่งด้วยโทนสีเขียว Aston Martin Racing Green เช่นเดียวกับเข็มนาฬิกา กลไกโอเพ่นเวิร์คเสริมมิติของโครงสร้างกลไกให้โดดเด่นยิ่งขึ้น กลไกนี้มาพร้อม บาลานซ์วีลแบบปรับความเฉื่อย ซึ่งเป็นการปรับเพื่อความเที่ยงตรงแม่นยำ เพิ่มความทนทานต่อแรงกระแทก ความแม่นยำในระยะยาว และความเสถียรในการทำงานของนาฬิกา สามารถสำรองพลังงานได้นานถึง 54 ชั่วโมง นาฬิกายังคงทำงานได้แม้ไม่ได้สวมใส่ นี่ไม่ใช่เพียงแค่นาฬิกา หากแต่คือการผสมผสานอย่างลงตัวของศาสตร์แห่งนาฬิกาชั้นสูงและสมรรถนะสะท้อนถึงความเที่ยงตรง ความงาม และนวัตกรรมได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ผู้สวมใส่สามารถชื่นชมชิ้นส่วนต่าง ๆ โดยปกติแล้วมักถูกซ่อนไว้จากสายตา
AVAILABILITY
Laureato Skeleton Aston Martin Edition ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 88 เรือน พร้อมวางจำหน่ายแล้วที่ตัวแทนจำหน่าย Girard-Perregaux ทั่วโลก
เกี่ยวกับ Aston Martin Lagonda
แอสตัน มาร์ติน (Aston Martin) มุ่งมั่นสู่การเป็นแบรนด์หรูระดับอัลตร้าลักชัวรีสัญชาติอังกฤษที่เปี่ยมด้วยความปรารถนาและเป็นที่ต้องการมากที่สุดในโลก โดยอุทิศตนในการสร้างสรรค์ยนตรกรรมสมรรถนะสูงที่งดงามเหนือระดับ และมอบประสบการณ์การขับขี่อันเร้าใจอย่างไร้ที่ติ
ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1913 โดย ไลโอเนล มาร์ติน (Lionel Martin) และ โรเบิร์ต แบมฟอร์ด (Robert Bamford) แอสตัน มาร์ตินได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในแบรนด์ชั้นนำระดับโลกที่สะท้อนถึงความสง่างาม หรูหรา สมรรถนะ และเอกลักษณ์เฉพาะตัว แบรนด์นี้หลอมรวมเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้ากับงานฝีมือระดับมาสเตอร์พีซและดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ เพื่อสร้างยนตรกรรมหรูที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ไม่ว่าจะเป็นรุ่น Vantage, DB12, Vanquish, DBX707 ไปจนถึงไฮเปอร์คาร์รุ่นแรกของแบรนด์อย่าง Aston Martin Valkyrie ภายใต้กลยุทธ์ด้านความยั่งยืนที่ชื่อว่า Racing. Green. แอสตัน มาร์ตินกำลังเดินหน้าอย่างจริงจังในการพัฒนาเทคโนโลยีขับเคลื่อนทางเลือกแทนเครื่องยนต์สันดาปภายใน โดยมีแผนเปิดตัวระบบขับเคลื่อนแบบไฮบริด (PHEV) และรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ (BEV) ระหว่างปี 2025 ถึง 2030 เพื่อปูทางสู่การผลิตรถสปอร์ตและ SUV พลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบในอนาคต
สำนักงานใหญ่ของบริษัทตั้งอยู่ ณ เมือง เกย์ดอน (Gaydon) ประเทศอังกฤษ โดย แอสตัน มาร์ติน ลากอนดา (Aston Martin Lagonda) รับหน้าที่ในการออกแบบ ผลิต และส่งออกยนตรกรรมไปยังลูกค้าในกว่า 50 ประเทศทั่วโลก รถสปอร์ตผลิตขึ้นที่โรงงานในเกย์ดอน ส่วนรถ SUV หรูในตระกูล DBX ผลิตที่โรงงานใน เซนต์แอธาน (St Athan) ประเทศเวลส์ ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายสู่การเป็นโรงงานผลิตที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero Manufacturing) ภายในปี 2030
แบรนด์ ลากอนดา (Lagonda) ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1899 ได้ควบรวมกับแอสตัน มาร์ตินในปี 1947 ภายหลังการเข้าซื้อกิจการโดย เซอร์ เดวิด บราวน์ (Sir David Brown) และในปัจจุบันบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน ภายใต้ชื่อ Aston Martin Lagonda Global Holdings plc
ปี 2020 นับเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ เมื่อ ลอว์เรนซ์ สโตรลล์ (Lawrence Stroll) เข้ารับตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร พร้อมการอัดฉีดเงินลงทุนครั้งใหญ่ นำพาบริษัทเข้าสู่ยุคใหม่ของการเติบโต ทั้งในด้านผลิตภัณฑ์และภาพลักษณ์แบรนด์ รวมถึงการกลับคืนสู่เวทีการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตระดับโลก ภายใต้ชื่อทีมแข่ง Aston Martin Aramco Formula One® Team
เกี่ยวกับ Girard-Perregaux
ด้วยกลไกมากกว่า 30 รุ่น ที่จดสิทธิบัตรมากกว่า 80 รายการ และมรดกอันยาวนานกว่า 230 ปี Girard-Perregaux จึงได้รับการยกย่องเป็นผู้นำแห่งศาสตร์ประดิษฐ์นาฬิกาชั้นสูง
ตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์ในปี 1791 ก็โดดเด่นในฐานะผู้บุกเบิก โดยได้ริเริ่มแนวคิดโรงงานผลิตนาฬิกาแบบบูรณาการสมัยใหม่เป็นแห่งแรก ซึ่งกลายเป็นแรงบันดาลใจสำคัญแก่อุตสาหกรรมนาฬิกาที่ตามมา ผู้ก่อตั้งและผู้นำของแบรนด์ในแต่ละยุคสมัยได้ยกระดับชื่อเสียงด้วยวิสัยทัศน์และจิตวิญญาณแห่งความก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง
จิตวิญญาณแห่งนวัตกรรมนี้ได้นำไปสู่ความสำเร็จอันโดดเด่น อาทิ Three Bridges Tourbillon ในปี 1867 กลไกความถี่สูงในปี 1965 ที่ทำงานด้วยความถี่ 36,000 ครั้งต่อชั่วโมง ความถี่ควอตซ์มาตรฐานสากล (32,768 เฮิร์ต) ในปี 1971 และกลไก Constant Escapement ในปี 2013 ซึ่งได้รับรางวัล Aiguille d’Or จากงาน Grand Prix d’Horlogerie de Genève การพัฒนาทุกก้าวล้วนเป็นผลมาจากทีมงานภายในที่เปี่ยมด้วยความมุ่งมั่นในการผลักดันขอบเขตแห่งนวัตกรรม พร้อมกันนั้นก็ยังให้ความเคารพต่อประเพณีดั้งเดิม
Girard-Perregaux ให้ความสำคัญกับการออกแบบ ทุกองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นรูปทรง โครงสร้าง หรือความงดงาม ถูกคิดค้น พัฒนา และสร้างสรรค์ขึ้นภายในโรงงานของตนเอง ทูร์บิญองของ Three Gold Bridges ที่ได้รับรางวัลจากงานนิทรรศการสากลปารีสในปี 1889 ถือเป็นความก้าวหน้าที่ปฏิวัติวงการทั้งทางด้านเทคนิคและความงาม
ปรัชญานี้ปรากฏชัดเจนที่สุดในรุ่น Laureato ซึ่งเปิดตัวในปี 1975 ซึ่งได้รับการออกแบบอย่างครบครันภายในโรงงาน โดยได้รับแรงบันดาลใจจากการดีไซน์ที่โดดเด่นด้วยรูปทรงสมมาตร อันเป็นเอกลักษณ์ประจำแบรนด์
โดดเด่นด้วยขอบหน้าปัดทรง 14 เหลี่ยมของรุ่น Deep Diver ในปี 1969 ที่ต่อมาได้กลายเป็นซิกเนเจอร์ที่สำคัญของ Laureato
ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา Laureato ได้สร้างสรรค์กลไกซับซ้อนและกลไกอัตโนมัติรุ่นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง พร้อมคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์เฉพาะตัวอันโดดเด่น
ปัจจุบัน Girard-Perregaux ได้รับการยกย่องและชื่นชมอย่างกว้างขวางในระดับนานาชาติจากเหล่านักสะสมและผู้หลงใหลในนาฬิกา ด้วยแนวทางอันเป็นเอกลักษณ์และเปี่ยมด้วยความประณีตในศาสตร์นาฬิกาชั้นสูง แบรนด์นี้จึงกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความสง่างามเหนือกาลเวลา
โดยโรงงานฐานการผลิตที่ยังคงยืนหยัดต่อมรดกอันยาวนานและทรงคุณค่าอย่างมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง
12 ส.ค. 2568
12 ส.ค. 2568
12 ส.ค. 2568
9 ส.ค. 2568