Last updated: 20 ส.ค. 2568 | 202 จำนวนผู้เข้าชม |
พิธีราชาภิเษกจักรพรรดิ Napoleon และการสวมมงกุฎ
จักรพรรดินี Joséphine ณ มหาวิหาร Notre-Dame ในปารีส ปี ค.ศ. 1804
ท่ามกลางความรุ่งเรืองของจักรวรรดิฝรั่งเศสและราชสำนักของ Napoleon ได้ปรากฏช่างอัญมณียอดฝีมือผู้รังสรรค์ผลงาน ที่จะกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของศิลปะเทียร่าผ่าน “ความรุ่งโรจน์อันสง่างามของราชวงศ์และเทียร่าของ Chaumet” ถ่ายทอดความเป็นมา ของเมซงซึ่งผูกพันกับประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส ราชวงศ์ และงานฝีมือชั้นสูง อย่างลึกซึ้ง
จุดเริ่มต้นของมรดกอันทรงเกียรติ
ภายหลังการปฏิวัติฝรั่งเศส ราชบัลลังก์ล่มสลาย จักรวรรดิใหม่ถือกำเนิด Marie-Étienne Nitot อดีตศิษย์ช่างอัญมณีในราชสำนัก พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และผู้เป็นที่โปรดปรานของ Marie Antoinette ได้ผ่านช่วงเวลาวุ่นวายแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนั้น จนได้รับแต่งตั้งในปี 1802 ให้เป็นช่างอัญมณีประจำจักรพรรดิ Napoleon Bonaparte ผู้ซึ่งประกาศตนเองเป็นกงสุลคนแรก และสวมมงกุฎจักรพรรดิแห่งฝรั่งเศสในเวลาต่อมา
การแต่งตั้ง Nitot ทำให้เขากลายเป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ ไม่เพียงแค่ในฝรั่งเศสเท่านั้น แต่ครอบคลุมไปถึงศิลปะการทำ อัญมณีอีกด้วย หลังจากได้รังสรรค์ดาบสำหรับพิธีราชาภิเษกของ Napoleon และเทียร่าประจำตำแหน่งของพระสันตะปาปา Pius ที่ 7 Nitot ได้กลายเป็นช่างอัญมณีที่ทรงอิทธิพลที่สุดในยุโรป โดยเป็นผู้สรรค์สร้างทั้งเครื่องราชกกุธภัณฑ์ ดาบพิธี และเทียร่าอันงดงามของเหล่าราชวงศ์ รวมถึงชนชั้นสูงทั่วยุโรป ต่อมาในปี 1812 บุตรชายของเขา คือ François-Regnault ได้สืบทอดกิจการ และวางรากฐานศิลปะแห่งการสร้างเทียร่า ของ Chaumet ณ เลขที่ 15 Place Vendôme ก่อนที่เมซงจะย้ายไปยังเลขที่ 12 ในปี 1907 และเปลี่ยนโรงแรม Baudard de Sainte-James ให้กลายเป็นสัญลักษณ์อันทรงคุณค่าของแบรนด์จนถึงปัจจุบัน
ในยุคของ Napoleon ภาพลักษณ์คือภาษาที่ขับขานถึงอำนาจและบารมี ราชสำนักจึงกลายเป็นเวทีแห่งความวิจิตรตระการตา เครื่องประดับ อัญมณีคือหัวใจสำคัญในการแสดงออกถึงพระราชอำนาจ เทียร่าของ Chaumet ได้ประดับบนพระเศียรของบรรดาจักรพรรดินี เจ้าหญิง และ สตรีชั้นสูง ในพิธีการอันยิ่งใหญ่ ไปจนถึงการเฉลิมฉลองชัยชนะทางทหาร และงานเลี้ยงทางการทูต ผลงานของ Nitot จึงเปรียบเสมือนเครื่องมือ ในการสร้างภาพลักษณ์ และความงดงามที่เปี่ยมด้วยอำนาจ เรียบหรูแต่สื่อถึงความหมายอันลึกซึ้ง
เทียร่าของจักรพรรดินี Marie-Louise ผลงานของ Nitot ปี ค.ศ.1811
การออกแบบในยุคนั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากพวงมาลาโบราณและรูปทรงแบบคลาสสิก ขณะเดียวกันก็สะท้อนถึงความทันสมัย ด้วยเทคนิคและความประณีตของงานฝีมือจากปารีส ผลงานเหล่านี้ทำให้ Chaumet กลายเป็นหนึ่งในเจ้าแห่งศิลปะแห่งเทียร่า ด้วย สไตล์ที่ผสมผสานระหว่างความสง่างามและความอ่อนช้อยอย่างลงตัว
Napoleon ได้เลือก ‘ผึ้ง’ ให้เป็นสัญลักษณ์ประจำรัชสมัยของเขา เพื่อเชื่อมโยงตนเองกับราชวงศ์โบราณของฝรั่งเศส สำหรับ Chaumet ผู้เป็นดั่งช่างอัญมณีแห่งจักรวรรดิ สัญลักษณ์อย่างผึ้งจึงปรากฏอยู่ในเครื่องราชกกุธภัณฑ์และเครื่องประดับหลวงอย่างกลมกลืน ผึ้ง สัตว์น้อยที่ถ่อมตน ถูกยกย่องให้เป็นสัญลักษณ์แห่งชีวิตนิรันดร์ การฟื้นคืน และพลังอันมั่นคง ยิ่งกว่านั้น เทียร่ายังสะท้อนถึงภาษาสัญลักษณ์ ของธรรมชาติและอำนาจ รูปร่างอันประณีตซ่อนเร้นความจริงอันลึกซึ้ง นั่นคือความต่อเนื่องของรัชสมัย สายใยแห่งราชวงศ์ที่ไม่ขาดสะบั้น และความเจิดจรัสอันยั่งยืนของจักรวรรดิ
Jewels by Nature ไฮจิวเวอรี คอลเลกชัน 2025
หลังจากการจากไปของ Nitot ในปี 1809 François-Regnault บุตรชายของเขาได้เข้ามาสืบทอดกิจการ และยืนยันบทบาทของเมซงในฐานะ ช่างอัญมณีประจำจักรวรรดิ แม้ว่ายุค Napoleon จะผ่านพ้นไป แต่รากฐานด้านความงามและศิลปะยังคงอยู่ และยังคงถูกจารึกผ่านผลงาน มาสเตอร์พีซยุคแรกและสืบทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น
ทุกวันนี้ เทียร่าเหล่านั้นมิใช่เพียงเครื่องประดับเก่าแก่ของฝรั่งเศส แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งประวัติศาสตร์การออกแบบเครื่องประดับอย่างแท้จริง โดยสะท้อนช่วงเวลาอันงดงามที่การเมือง แฟชั่น และฝีมือช่างผสานกันเป็นหนึ่งเดียว เมื่ออัญมณีเล่าเรื่องราวของโชคชะตา อาณาจักร และ พลังแห่งความงามที่ทรงคุณค่าเหนือกาลเวลา
เทียร่า Melodie Nacree ปี ค.ศ. 2019
12 ส.ค. 2568
19 ส.ค. 2568
12 ส.ค. 2568
19 ส.ค. 2568