Last updated: 21 ต.ค. 2568 | 34 จำนวนผู้เข้าชม |
ความบางและความหนาแน่นคือสิ่งที่เป็นขั้วตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิงตามหลักธรรมชาติ ซึ่งหากเราต้องการปกป้องสิ่งที่อยู่ด้านใน เราต้องสร้างเกราะป้องกันภายนอกให้หนาแน่นที่สุดซึ่งตามมาด้วยมวลที่มากขึ้น ในเรื่องของระบบการกันน้ำของนาฬิกาก็เช่นกัน โดยนาฬิกาดำน้ำทั่วไปมีตัวเรือนที่หนาและมีน้ำหนักอยู่พอสมควร แต่วันนี้มีแบรนด์นาฬิกาแบรนด์หนึ่งที่สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดที่กล่าวมานี้ลงได้แล้ว นั่นคือ Ulysse Nardin ด้วยการสร้างนาฬิกาดำน้ำที่มีน้ำหนักเบาอย่างเหลือเชื่อเพียง 52 กรัม Jean Christophe Sabatier, Chief Product Officer แห่ง Ulysse Nardin ได้สละเวลาอธิบายเพิ่มเติมในเรื่องของนาฬิกาเจ้าของสถิติโลกพร้อมเรื่องราวอื่นๆ เกี่ยวกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในอนาคตอันใกล้
ก่อนอื่นเลย อยากทราบว่าคอลเลกชัน Diver ของ Ulysse Nardin มีวิวัฒนาการอย่างไรบ้าง?
คอลเลกชัน Diver ของเราเริ่มขึ้นจากการผลิตนาฬิกาดำน้ำเรือนแรกในปี 1964 โดยแนวคิดพื้นฐานของนาฬิกาเรือนนี้คือนาฬิกาสำหรับดำน้ำที่มีฟังก์ชันทางเทคนิค อย่างเช่น สำหรับใช้ในการดำน้ำเพื่อการศึกษาวิจัยปิโตรเลียม เป็นต้น จากนั้นอุตสาหกรรมนาฬิกาดำน้ำก็ได้มีการพัฒนา และคอลเลกชัน Diver ก็ได้จัดให้อยู่ในหมวดหมู่ของนาฬิกาสปอร์ต หมายความว่า คุณซื้อนาฬิกา Diver เพราะคุณอาจจะเป็นคนที่ชื่นชอบการดำน้ำก็ดี หรือคุณอาจจะชื่นชอบนาฬิกาสปอร์ตโดยไม่ได้นำไปใส่ดำน้ำก็ได้ Ulysse Nardin เรามีความพิเศษอยู่ในคอลเลกชัน Diver นั่นคือเราผสมผสานกลไก in-house โครโนมิเตอร์ ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะสำหรับแบรนด์เรา และในช่วงไม่กี่ปีมานี้เราได้สร้างสรรค์นาฬิกาที่เป็นเหมือนผลิตภัณฑ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน อย่างในปี 2009 เราได้นำเสนอนาฬิกาดำน้ำพร้อมระบบปฏิทินถาวร เรียกว่าเป็นนาฬิกาที่มีความน่าทึ่งและไม่เหมือนใครเลย ปี 2021 เราได้ผลิตนาฬิกานาฬิกาสเกเลตันสำหรับดำน้ำ และในปีนี้เราได้เปิดตัวนาฬิการุ่น Diver Air ซึ่งเป็นนาฬิกาดำน้ำที่มีรายละเอียดทางเทคนิคมากที่สุดที่เราเคยมีมา นั่นคือเป็นนาฬิกาที่มีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษเพียง 52 กรัม พร้อมความสามารถในการกันน้ำได้ลึก 200 เมตร อีกทั้งยังมีคุณสมบัติตามมาตรฐานนาฬิกาดำน้ำทั่วไปทุกประการ แต่ขณะเดียวกันก็มีรายละเอียดที่สวยงามโดดเด่นเป็นพิเศษ
ความท้าทายในการสร้างสรรค์คอลเลกชัน Diver Air เป็นอย่างไร?
เราต้องการที่จะสร้างสรรค์นาฬิกาดำน้ำระบบกลไกจักรกลที่มีน้ำหนักเบาที่สุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ดังนั้นนาฬิการุ่นนี้จึงเป็นสถิติโลกและการที่จะได้มาซึ่งนาฬิกาเรือนนี้ เราต้องผ่านการเดินทางอันยาวนานเลยทีเดียว เพราะแน่นอนว่าจุดประสงค์ด้านการสร้างสรรค์นาฬิกาที่มีน้ำหนักเบามีความขัดแย้งกับคุณสมบัติการกันน้ำที่แน่นหนา ระบบการกันน้ำจะต้องเกี่ยวข้องกับชิ้นส่วนที่หนาเพื่อปกป้องนาฬิกา ดังนั้นเราจึงต้องทำงานทั้งสองด้านทั้งในเรื่องของการลดทอนในเรื่องของความแน่นหนาแต่จะต้องรองรับการกันน้ำได้อย่างหนึ่ง และจุดมุ่งหมายในการสร้างสถิติโลกในเรื่องของน้ำหนักเบาอย่างหนึ่ง และนี่คือความท้าทายอย่างยิ่งในการผลิตคอลเลกชันนี้
กลไกที่โปร่งใสมีผลกระทบต่อความต้านทานต่อความกดดันที่เกิดขึ้นเมื่อมีการดำน้ำหรือไม่อย่างไร?
ไม่ครับ กล่าวได้ว่า เราได้สร้างหลักการบางอย่างที่เข้ามาช่วยในเรื่องของการกันน้ำที่ทำให้เราสามารถใช้ปะเก็นเฉพาะได้ เราได้สร้างโครงสร้างเฉพาะกับตัวเรือนนาฬิกา ซึ่งทำให้เราสามารถนำเสนอมิใช่แค่เรื่องของการปกป้องอย่างดีเยี่ยมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความโปร่งใสเพียงพอที่จะเผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ภายในนาฬิกาด้วย สิ่งเหล่านี้คือผลลัพธ์ที่ได้จากภูมิปัญญาที่เราสั่งสมมาสำหรับการสร้างสรรค์นาฬิกาดำน้ำมายาวนานหลายปี
ทิศทางของคอลเลกชัน Freak ในอนาคตอันใกล้นี้เป็นอย่างไร?
Freak เป็นคอลเลกชันที่สำคัญมากสำหรับเรา เพราะเป็นนาฬิกาที่เป็นไอคอนิกจริงๆ เป็นการนำเสนอแนวคิดที่ไม่เหมือนใครและไม่มีที่ไหนในโลกเทียบได้ ดังนั้นเราจะมีการพัฒนาหลายๆ สิ่งในคอลเลกชันนี้ต่อไป ผมเชื่อว่า Freak สมควรได้รับการพิจารณาให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นไอคอนิกเหมือนกับนาฬิการุ่นดังจากหลายๆ แบรนด์ สำหรับผมนี่คือผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม ดังนั้นในอนาคตคุณจะได้เห็นนาฬิการุ่นใหม่ที่คาดไม่ถึง และนั่นคือหลักการของ Freak ที่จะมองไปยังอนาคตเสมอ Freak เป็นรากฐานของการสร้างสรรค์ที่หากมองย้อนกลับไป จะมีแต่เรื่องของความล้ำหน้าเสมอ ดังนั้นคุณจะได้เห็นบางอย่างที่น่าสนใจในโอกาสพิเศษมากมายช่วงปลายปีนี้ต่อไปถึงปีหน้า รวมถึงยังมีบางความร่วมมือด้วย เรามีโปรเจกต์มากมาย โดยเฉพาะปีนี้ซึ่งตรงกับวาระครบรอบ 180 ปีของแบรนด์และตรงกับวาระครบรอบ 25 ปีของ Freak ด้วย ซึ่งคุณจะได้พบกับ Freak แน่นอน ทั้งนี้อย่างที่กล่าวไปเราไม่ใช่แบรนด์ที่มองย้อนกลับไป ซึ่งจะไม่ใช่การนำเอาคอลเลกชันเดิมมาเปิดตัวใหม่แน่นอน ขอให้คุณรอชมการสร้างสรรค์ใหม่ของเราต่อไป
Ulysse Nardin ผสมผสานความรู้ทางเทคนิคกับจิตวิญญาณแห่งความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างไร?
เป็นคำถามที่น่าสนใจมาก แต่ผมจะตอบคำถามนี้อย่างไรดี (หัวเราะ) แม้เราจะเป็นบริษัทขนาดเล็กในแง่ของขนาด แต่เราก็มีสินทรัพย์มากมาย นั่นทำให้เรามีความยืดหยุ่น กล้าพอที่จะลอง เรามีทรัพยากรของตนเองแม้จะไม่ได้มากนัก แต่เราก็สามารถดำเนินการในแบบบูรณการได้ เรามีแหล่งผลิตในด้านงานฝีมือเช่นการเคลือบลงยา การวาดภาพขนาดเล็ก ขณะเดียวกันเราสามารถผลิตกลไกของตัวเองได้ เราสามารถผลิตเอสเคปเมนต์เป็นของตัวเอง เราสามารถผลิตชิ้นส่วนกลไกด้วยตนเอง เรามีความหลากหลายมาก ซึ่งนี้คือจุดแข็งของเรา ดังนั้นเราสามารถรวมเอาองค์ประกอบทั้งหมดนี้เข้าไว้ด้วยกันได้ อย่างที่เห็นจากการสร้างสรรค์นาฬิกา Freak ที่ผสมผสานงานเคลือบลงยา ผมขอสรุปว่า Ulysse Nardin เป็นเหมือนผู้สร้างสรรค์ค็อกเทลที่ผสมผสานองค์ประกอบต่างๆ ทั้งด้านนวัตกรรมและสุนทรียศาสตร์ให้ออกมาอย่างลงตัว
21 ต.ค. 2568
21 ต.ค. 2568
21 ต.ค. 2568
21 ต.ค. 2568