Last updated: 26 พ.ย. 2568 | 325 จำนวนผู้เข้าชม |
ฤดูกาลนี้ Hublot (อูโบลท์) เสริมพลังท่ามกลางอุณหภูมิที่ลดต่ำด้วยการเปิดตัวนาฬิกา Big Bang Unico Winter Sapphire (บิ๊ก แบง ยูนิโค่ วินเทอร์ แซฟไฟร์) และ Big Bang Unico Winter Titanium Ceramic (บิ๊ก แบง ยูนิโค่ วินเทอร์ ไทเทเนียม เซรามิก) โดยนำบรรยากาศแห่งวินเทอร์สไตล์ Hublot กลับมาอีกครั้ง หลังจากเปิดตัวนาฬิกาคอลเล็กชั่นซัมเมอร์เรือนแรกตั้งแต่ปี 2017 Hublot ก็ได้สร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำในแต่ละซีซั่นตลอดมา และในตอนนี้วินเทอร์ได้เข้ามาสู่ DNA ของแบรนด์ ผลิตจาก แซฟไฟร์ หรือ ไทเทเนียมผสานเซรามิก ในโทนสีไอซี่ไวท์ และ กลาเซียร์บลู นาฬิกา Winter Editions รุ่นใหม่ประจำปีนี้สะท้อนถึงความสง่างามและความเยือกเย็นที่แฝงด้วยพลังที่เร้าใจ และเพื่อเป็นการสื่อถึงฤดูกาลนี้รวมถึงการนำเสนอเอกลักษณ์ของกลไกอินเฮาส์ Unico (ยูนิโค่) จาก Hublot นาฬิกาจึงมาพร้อมกับโรเตอร์ดีไซน์เกล็ดหิมะสุดพิเศษซึ่งสามารถมองเห็นได้ผ่านฝาหลังตัวเรือน


“สำหรับ Hublot เราไม่ได้เพียงแค่รับรู้ถึงฤดูกาลเท่านั้น แต่เราเฉลิมฉลองไปกับมัน เช่นเดียวกับที่ซัมเมอร์ได้กลายเป็นประเพณีอันมีชีวิตชีวาของเรา ตอนนี้วินเทอร์ก็ได้เข้าสู่ DNA ของเราเช่นกัน Big Bang Unico Winter Editions ไม่ได้เป็นเพียงแค่นาฬิกา แต่ยังเป็นการผสมผสานระหว่างนวัตกรรมและการเฉลิมฉลอง จากผืนน้ำแข็งแห่ง Zermatt จนถึงพลังของ Aspen ตั้งแต่ช่วงเช้าที่หิมะโปรยปรายจนถึงค่ำคืนอันอบอุ่นข้างกองไฟ สะท้อนถึงจิตวิญญาณแห่งฤดูหนาวที่โดดเด่นและเปี่ยมด้วยความรื่นเริง” Julien Tornare (จูเลี่ยน ทอร์นาเร่) CEO ของ Hublot กล่าว
ประสบการณ์แห่งวินเทอร์ยังคงดำเนินต่อไป
ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนจนถึงมีนาคม Hublot ได้นำบรรยากาศสไตล์ Winter Unico สู่จุดหมายปลายทางซึ่งเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงทั่วโลก ได้แก่ Zermatt, Courchevel, Cortina, Aspen และ St. Moritz ด้วยประสบการณ์สุดพิเศษที่รวมทุกความประทับใจไม่ว่าจะเป็น การเปิดตัวสุดเอ็กซ์คลูซีฟ อีเวนท์พิเศษที่ไม่เหมือนใคร ค่ำคืนอันน่าจดจำ หรือช่วงเวลาแสนงดงามท่ามกลางหิมะโปรยปรายร่วมกับ Hublot Ambassadors, Friends of the Brand และเหล่า Hublotista จากทั่วโลก


พบกับไอเท็มฤดูหนาวที่ไม่ควรพลาด
สำหรับรุ่นตัวเรือนแซฟไฟร์ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 30 เรือน โดดเด่นด้วยความโปร่งใสและประกายระยิบระยับของแซฟไฟร์ ส่วนรุ่นไทเทเนียมเซรามิกผลิตจำนวนจำกัด 200 เรือน กับความเบาที่พิเศษของไทเทเนียมพร้อมตกแต่งด้วยขอบหน้าปัดด้วยเซรามิกสีขาว ทั้งสองรุ่นมีขนาดตัวเรือน 42 มม. มาพร้อมระบบ One Click ของ Hublot ซึ่งมีสายที่ให้มา 2 แบบด้วยกัน ได้แก่ สายหนังลูกวัวบุยางสีขาวสะอาดตา หรือหนังลูกวัวบุยางสีฟ้าไอซี่ ให้สามารถปรับลุคเปลี่ยนสไตล์จากโหมดบนเนินสกีไปสู่โหมดค่ำคืนได้ภายในไม่กี่วินาที
ความใสของแซฟไฟร์ ความโดดเด่นของเซรามิก พลังของ UNICO
นวัตกรรมสำหรับ Hublot ไม่ใช่เพียงทางเลือก แต่เป็นส่วนหนึ่งที่ฝังอยู่ในทุกองค์ประกอบตั้งแต่กลไกการทำงานไปจนถึงความสวยงามของนาฬิกา ทั้งสองรุ่นนี้ได้ผสานวัสดุล้ำสมัยเข้ากับนวัตกรรมอันเป็นเอกลักษณ์และจดสิทธิบัตรโดย Hublot ตั้งแต่กลไก UNICO ไปจนถึงความเชี่ยวชาญด้านการผลิตเซรามิกและแซฟไฟร์ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง
ศูนย์กลางการทำงานของ Big Bang Unico Winter Edition ทุกเรือน คือกลไก UNICO HUB1280 กลไกอินเฮาส์รุ่นล่าสุดซึ่งถือเป็นผลงานชิ้นเอกจากโรงงานของ Hublot ที่ได้รับการจดทะเบียนสิทธิบัตร 5 ฉบับ มาพร้อมคลัตช์โรเตอร์แนวนอนคู่ ระบบป้องกันการสั่นสะเทือน ตัวล็อคเฟืองไร้แรงเสียดทาน ระบบแรงเสียดทานของเฟืองนาทีแบบคงที่ และกลไกปรับความเที่ยงตรงของบาลานซ์วีล

วัสดุไฮเทคเซรามิกของ Hublot เปิดตัวในปี 2018 ได้ยกระดับมาตรฐานใหม่ให้แก่อุตสาหกรรมการผลิตนาฬิกา ด้วยความแข็งแกร่งเหนือระดับและคุณสมบัติต้านทานต่อรอยขีดข่วนในเฉดสีที่แทบจะไร้ขีดจำกัดแห่งจินตนาการ ในขณะเดียวกันความเชี่ยวชาญด้านแซฟไฟร์ของ Hublot ก็ได้ถูกพัฒนาขึ้นมาตั้งแต่ปี 2016 เผยให้เห็นนวัตกรรมที่สามารถมองผ่านได้ด้วยสายตา ด้วยน้ำหนักที่มีความเบาและทนทานเป็นเลิศ ซึ่งทางแบรนด์ไม่เพียงแค่ผลักดันขอบเขตด้านความโปร่งใสเท่านั้น หากยังสร้างสรรค์เฉดสีแซฟไฟร์ใหม่ ๆ พร้อมพัฒนากระบวนการผลิตเพื่อให้ได้สีที่มีความชัดเจนและมีความแข็งแกร่งสูงสุด วัสดุทุกชิ้นของ Hublot ถูกออกแบบขึ้นเพื่อการใช้งานจริง แข็งแกร่ง โดดเด่น และสะท้อนถึงจิตวิญญาณของแบรนด์อย่างแท้จริง
Big Bang Unico Winter Titanium Ceramic ผลิตจำนวนจำกัด 200 เรือน และ Big Bang Unico Winter Sapphire ผลิตจำนวนจำกัด 30 เรือน วางจำหน่ายเฉพาะบูติกของ Hublot ที่ได้รับการเลือกสรรค์เท่านั้น
เกี่ยวกับ HUBLOT
ในปี 1980 นับเป็นครั้งแรกที่นาฬิกาแบรนด์หนึ่งได้กล้าประกอบตัวเรือนทองคำเข้ากับสายยาง ซึ่งได้มาพลิกโฉมวงการนาฬิกาชั้นสูง ด้วยดีไซน์อันโดดเด่นของขอบตัวเรือนทรงช่องหน้าต่างเรือที่มีสกรูปรากฏให้เห็นเด่นชัด จึงเป็นที่มาของชื่อ Hublot (อูโบลท์) พร้อมกับแนวคิดของศิลปะแห่งการผสมผสาน (Art of Fusion)
ในปี 2005 ทางแบรนด์ได้ยกระดับความคิดสร้างสรรค์ไปอีกขั้นด้วยการเปิดตัว Big Bang (บิ๊ก แบง) มาพร้อมดีไซน์อันมีเอกลักษณ์ ขนาดของตัวเรือนที่เหมาะสม และตัวเรือนในแบบหลายชั้น โดยในปีเดียวกัน Hublot ได้รับรางวัลการออกแบบยอดเยี่ยม (Best Design) จากงาน Grand Prix d'Horlogerie de Genève ตั้งแต่นั้นมา ด้วยวิสัยทัศน์ที่มาปฏิวัติวงการ นาฬิกา Big Bang ไม่เคยหยุดการพัฒนาและต่อยอดผลงานอย่างต่อเนื่อง และนี่คือนาฬิกาไอคอนเรือนแรกแห่งศตวรรษที่ 21
แนวคิดของการผสมผสานแฝงอยู่ในทุกองค์ประกอบ และเป็นแกนหลักที่แฝงไว้ในทุกคอลเลกชั่น นาฬิกา Big Bang ได้พลิกโฉมอุตสาหกรรมนาฬิกาอย่างสิ้นเชิง ในขณะที่ Classic Fusion (คลาสสิก ฟิวชั่น) ได้ผสานความโดดเด่นและเรียบง่ายได้อย่างสมดุล ส่วน Exceptional Timepieces (เอ็กเซ็ปชั่นนอล ไทม์พีซเซส) ได้เขียนนิยามแห่งความคาดหวังขึ้นใหม่กับผลงานสร้างสรรค์ที่มีรูปแบบไม่เหมือนใคร และด้วยแนวทางที่ท้าทายขนบธรรมเนียม Hublot ได้ถ่ายทอด DNA ของแบรนด์ผ่านกลไก In-house อย่าง Unico (ยูนิโค่), Meca-10 (เมก้า-10) และ Tourbillon (ทูร์บิญอง) ที่มาเพิ่มอีกมิติให้กับศิลปะแห่งการผสมผสาน
ศาสตร์แห่งการผสามผสาน คือสิ่งที่ฝังแน่นอยู่ในจิตวิญญาณของ Hublot ไม่ใช่แค่ภายในโรงงาน La Manufacture เท่านั้น แต่ยังสะท้อนออกมาในทุกมิติของแบรนด์ ความมหัศจรรย์สามารถเกิดขึ้นได้บนสนามฟุตบอล นำไปสู่ความร่วมมือกับมหกรรมกีฬาระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น FIFA World Cup™ ในปี 2010, 2014, 2018, 2022, Premier League (พรีเมียร์ ลีก), UEFA Champions League (ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก) และ UEFA Euro™ (ยูฟ่า ยูโร) ในบางครั้งความพิเศษนั้นก็เกิดขึ้นบนเวทีคอนเสิร์ต ในสนามบาสเกตบอล ท่ามกลางการแสดงงานศิลปะ หรือแม้แต่ในประสบการณ์ทางรสชาติร่วมกับครอบครัวเชฟมิชลิน สตาร์ของ Hublot และนี่คือจุดเริ่มต้นของ Hublot Vibes ผ่านช่วงเวลาที่แบ่งปันกันในกลุ่ม Hublotistas (อูโบลท์ทิสต้า) คอมมูนิตี้ที่ภาคภูมิใจในการเป็นเจ้าของนาฬิกา Hublot ซึ่งศิลปะแห่งการผสมผสานนี้ได้ก้าวข้ามขอบเขตไปอีกขั้น ความเป็นมาที่กลายเป็นวิถีชีวิต และนั่นคือ วิถีของ Hublot

ครบรอบ 20 ปีของนาฬิกา BIG BANG – การเฉลิมฉลองแนวคิดที่มาปฏิวัติวงการของ BIG BANG
ในปี 2005 นาฬิกา Big Bang ได้เริ่มต้นยุคใหม่ให้กับวงการนาฬิกาอย่างแท้จริง สะท้อนถึงความเชื่อมโยงกับชื่อของตัวเองอย่างลึกซึ้ง แทบไม่เคยมีผลงานไหนที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงในวงการนาฬิกาสมัยใหม่ได้เหมือนกับนาฬิกา Big Bang ผ่านมา 20 ปีหลังจากการเปิดตัว Big Bang ยังคงยืนหยัดเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ในการผลิตนาฬิกาที่ไม่หยุดนิ่งและผลักดันสู่ขอบเขตของสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ผ่านวัสดุพิเศษและกลไกภายในต่างๆ ที่คิดค้นพัฒนาขึ้นเอง ไม่ว่าจะเป็น Unico หรือ Meca-10 นาฬิกา Big Bang จึงแตกต่างจากประเพณีดั้งเดิม – แนวคิดนอกกรอบที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ด้วยดีไซน์อันโดดเด่นและความหลากหลายในการใช้งาน นี่คือนาฬิกา Big Bang
เอกลักษณ์เฉพาะของกลไกอินเฮาส์ HUBLOT UNICO
ถือกำเนิดในปี 2010 เป็นกลไกที่ออกแบบ พัฒนา และผลิตทั้งหมดภายในโรงงานของ Hublot เอง ถือเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นอิสระ นวัตกรรม และเอกลักษณ์ของแบรนด์ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา กลไกนี้ได้พัฒนามีซิกเนเจอร์ที่ชัดเจนและโดดเด่นของการประดิษฐ์นาฬิกา Hublot ซึ่งเป็นที่รู้จักจากความแข็งแกร่ง โครงสร้างแบบโมดูลาร์ และการออกแบบโครโนกราฟอันล้ำสมัย
ด้วยคุณสมบัติเด่น อาทิ ฟันเฟืองคอลัมน์ด้านหน้า, ซิลิคอนเอสเคปเมนต์ และ ความยืดหยุ่นแบบโมดูลาร์ กลไก UNICO จึงเป็นกลไกเชิงกลที่โดดเด่นทั้งในด้านรูปลักษณ์และเทคนิค ไม่ได้เป็นเพียงขุมพลังขับเคลื่อนนาฬิกา แต่ยังเป็นสิ่งที่กำหนดเอกลักษณ์ของนาฬิกาอีกด้วย
คุณสมบัติเด่นของกลไกนี้ ได้แก่ โครโนกราฟฟลายแบ็คที่สามารถรีเซ็ตและเริ่มใหม่ทันที, ฟันเฟืองคอลัมน์ด้านหน้าที่มองเห็นได้ และ ซิลิคอนเอสเคปเมนต์ ที่มีประสิทธิภาพสูงและทนต่อสนามแม่เหล็ก กลไกนี้ยังจดทะเบียนสิทธิบัตร 5 รายการ ครอบคลุม: คลัตช์แนวนอนคู่, ระบบป้องกันการสั่นสะเทือน, ตัวล็อกเฟืองแบบ “ไม่มีแรงเสียดทาน”, ระบบปรับบาลานซ์วีล และ ระบบแรงเสียดทานคงที่สำหรับเคาน์เตอร์นาที
24 พ.ย. 2568
25 พ.ย. 2568
23 พ.ย. 2568
25 พ.ย. 2568