Interview with Baume & Mercier

Last updated: 12 ก.ย. 2559  |  3099 จำนวนผู้เข้าชม  | 

Interview with Baume & Mercier

        Baume & Mercier แบรนด์นาฬิกาสวิสที่มีความมุ่งมั่นที่จะถ่ายทอดมรดกแห่งความสมบูรณ์แบบของศาสตร์การประดิษฐ์นาฬิกาที่สืบต่อมายาวนานลงในนาฬิกาคอลเลคชั่นใหม่ของแบรนด์ ดังนั้นเมื่อผมได้มีโอกาสสนทนากับ Mr.Alexandre Peraldi Creative Director of Baume & Mercier ผมจึงได้สอบถามถึงเรือนเวลารุ่นใหม่ในปี 2015 ของแบรนด์

“เรื่องหลักของปีนี้คือการเปิดตัวคอลเลคชั่นนาฬิกาที่สำคัญที่สุดของเราคือ Classima ด้วยผลงานการออกแบบที่มีความทันสมัยมากขึ้น ผมคิดว่าการปรับปรุงเป็นสิ่งที่จำเป็นและเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเปลี่ยนแปลงคอลเลคชั่นอยู่ที่ประมาณ 6-7 ปี เพราะถ้าเราไม่เปลี่ยนความนิยมก็จะค่อยๆ ถดถอยลงจนหมดไปในที่สุด แต่การเปลี่ยนแปลงก็ต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นตัวตนของคอลเลคชั่นด้วย สำหรับการพัฒนา Classima ในครั้งนี้เราได้วางแผนและทำงานอย่างหนักมานานกว่า 3 ปี ในการปรับรูปร่างของตัวเรือนให้รับกับข้อมือมากขึ้น และเปลี่ยนแปลงในรายละเอียดส่วนย่อยเท่านั้น แต่ยังคงความความเรียบง่ายและความคลาสสิกของคอลเลคชั่นไว้ ดังนั้นสิ่งสำคัญที่เกิดขึ้นกับคอลเลคชั่นใหม่นี้คือ เราเปิดตัวนาฬิกา Classima รุ่นสำหรับผู้ชายและสำหรับผู้หญิง และเราใช้ทองคำใน Classima เป็นครั้งแรก นอกจากนี้เรายังเพิ่มความซับซ้อนให้นาฬิกาผู้หญิงด้วยรุ่นกลไกอัตโนมัติ และเพิ่มความหรูหราด้วยรุ่นประดับเพชร ในราคาที่คุณเป็นเจ้าของได้ มันจึงเหมาะสำหรับการเป็นนาฬิกาเรือนแรก หรือส่งมอบเป็นของขวัญให้คนที่คุณรัก”

        นอกจาก Classima แล้วผมจึงถามถึงนาฬิการุ่นอื่นๆ “เรามี Hampton รุ่นที่เราออกแบบใหม่ให้มีความงามสมดั่งเป็นรุ่นครบรอบ 20 ปีของคอลเลคชั่น โดยออกแบบให้ตัวเรือนทรงสี่เหลี่ยมมีความโค้งมนกลมกลืนไปกับข้อมือ แต่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของสไตล์ Art Deco และยกระดับด้วยกลไกอัตโนมัติ ในส่วนของคอลเลคชั่น Clifton เราเพิ่มความซับซ้อนให้กับคอลเลคชั่นด้วยรุ่น Clifton Big Date and Power Reserve และรุ่นพิเศษ Clifton 8-Day Power Reserve ที่ผลิตขึ้นในวาระครบรอบ 185 ปี ผลิตจำนวนจำกัด 185 เรือน ในตัวเรือนทองคำสีแดง นอกจากนี้เรายังมีรุ่นพิเศษที่จะเติมเต็มคอลเลคชั่น Linea นาฬิกาเปลี่ยนสายได้สำหรับผู้หญิงด้วยสายหนัง 4 สีใหม่สำหรับช่วงสปริงและซัมเมอร์ที่จะถึงนี้”

        จากภาวะวิกฤตเศรษฐกิจในทวีปยุโรปและเอเชีย รวมถึงความผันผวนของค่าเงินสวิส ผมอยากรู้ว่ามีผลกระทบต่อแบรนด์หรือไม่ “วิกฤตเศรษฐกิจและค่าเงินผันผวนเป็นปัจจัยที่เราไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งเราคงทำงานได้ยากแน่เพราะเราไม่สามารถลดต้นทุนการผลิตได้ แต่อย่างไรก็ดีผมคิดว่าเราจะยังคงทำในสิ่งที่เราทำให้ดีที่สุดต่อไป แล้วเราก็จะค่อยๆ ฟันฝ่าอุปสรรคเหล่านี้ไปได้ในที่สุด” ผมปิดท้ายด้วยคำถามเกี่ยวกับความเห็นที่เขามีต่อเทคโนโลยีของ iWatch “สิ่งที่เป็นฝันร้ายสำหรับเราคือ การที่เรายังไม่มีแผนกวิจัยและพัฒนา เรามีแค่ส่วนการออกแบบ ซึ่งในอนาคตเราจำเป็นต้องมีส่วนวิจัยและพัฒนาเพื่อการวางแผนอนาคตของแบรนด์ ส่วนเทคโนโลยี iWatch ผมคิดว่ามันต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน เพราะมันช่วยให้การเชื่อมต่อชีวิตของคุณกับ iPhone ทำได้ง่ายขึ้น แต่ผมว่ามันดูไม่เหมาะกับข้อมือของคุณเท่าไหร่นัก เพราะผมไม่ได้รู้สึกถูกดึงดูดเข้าไปหามัน แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของผมได้อย่างแท้จริงคือการพัฒนาการผลิตนาฬิกาแบบดั้งเดิม เช่น การพัฒนาเทคโนโลยีความเที่ยงตรง หรือนวัตกรรมวัสดุ และผมรู้ว่าผมจะต้องมีบทบาทในการทำบางสิ่งให้เป็นไปได้ในอนาคต แต่ผมยังไม่รู้ว่ามันจะเป็นอะไร”

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้