Last updated: 17 พ.ค. 2567 | 491 จำนวนผู้เข้าชม |
ทุกวันนี้ การไขลานนาฬิกา ถือเป็นความสุขประการหนึ่งของชีวิต การกระทำง่าย ๆ ด้วยการหมุนเม็ดมะยมที่กระทบเข้ากับประสาทสัมผัสจะสร้างการเชื่อมโยงกับกระแสธรรมชาติของเวลาได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ในทศวรรษที่ 1960s และ 1970s การสร้างนาฬิกา Grand Seiko กลไกไขลานความถี่ 10 บีท ได้ถูกกระทำขึ้นเพื่อให้ได้มาซึ่งเสถียรภาพของอัตราการทำงานและความเที่ยงตรงที่สูงขึ้น และปีนี้ก็ถือเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 50 ปีที่ Grand Seiko ได้ทำการเปิดตัวกลไก ไฮ-บีท แบบไขลานเครื่องใหม่ คาลิเบอร์ 9SA4 ซึ่งเป็นกลไกลำดับที่สามของแพลตฟอร์มกลไกจักรกลคาลิเบอร์ 9S เจเนอเรชั่นล่าสุดที่แรกเปิดตัวด้วยกลไกอัตโนมัติ คาลิเบอร์ 9SA5 ใน ค.ศ.2020 แล้วจึงตามมาด้วยกลไกโครโนกราฟ Tentagraph (เทนทากราฟ) คาลิเบอร์ 9SC5 ในปีที่ผ่านมา
กลไกที่ออกแบบและจัดโครงสร้างใหม่ทั้งหมดโดยใช้คาลิเบอร์ 9SA5 เป็นพื้นฐาน
เช่นเดียวกับคาลิเบอร์ 9SA5 กลไกคาลิเบอร์ใหม่ 9SA4 นี้ ทำงานด้วยความถี่ 10 ครั้งต่อวินาที ในขณะที่สามารถสำรองพลังงานได้ถึง 80 ชั่วโมงเมื่อขึ้นลานจนเต็ม ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้ระบบปล่อยจักรแบบ Dual Impulse Escapement (ดูอัล อิมพัลซ์ เอสเคปเมนต์) ที่ส่งพลังงานสู่จักรกลอกอย่างมีประสิทธิภาพทั้งโดยทางตรงจากจักรเหล็ก และทางอ้อมผ่านพัลเลท ฟอร์ก ทั้งยังใช้จักรกลอกแบบ Free-sprung Balance (ฟรี-สปรัง บาลานซ์) ในรูปแบบของ Grand Seiko เอง และใช้ขดสายใยจักรกลอกแบบโอเวอร์คอยล์ สิ่งเหล่านี้ทำให้คาลิเบอร์ 9SA4 มีอัตราการทำงานที่มีเสถียรภาพ มีความต้านทานต่อการรบกวนจากปัจจัยภายนอก และมีประสิทธิภาพสูง อันเป็นคุณลักษณะแห่งกลไก ไฮ-บีท ของ Grand Seiko มาอย่างยาวนาน และกลไกคาลิเบอร์ 9SA4 ยังได้รับการทดสอบการทำงานใน 6 ตำแหน่ง ที่ 3 ระดับอุณหภูมิแตกต่างกันเป็นเวลา 17 วัน เพื่อให้มั่นใจว่าถึงพร้อมซึ่งความแม่นยำตามมาตรฐาน Grand Seiko Standard (แกรนด์ ไซโก สแตนดาร์ด) เช่นเดียวกับกลไกจักรกลคาลิเบอร์อื่น ๆ ของ Grand Seiko
แม้ว่าคาลิเบอร์ 9SA4 ใหม่ จะมีคุณลักษณะหลายประการเหมือนกับ 9SA5 แต่ราวเกือบ 40% ของเครื่องฐานนั้นถูกออกแบบและจัดโครงสร้างใหม่โดยมุ่งคำนึงถึงประสบการณ์ความรู้สึกในด้านสัมผัส สิ่งที่ได้ยิน และสิ่งที่มองเห็น ในระหว่างการไขลาน ไกซึ่งเป็นชิ้นส่วนที่ทำหน้าที่ยึดเฟืองล้อเพื่อป้องกันการคลายตัวของสปริงลานและสปริงไก ถูกออกแบบมาเพื่อให้ได้สัมผัสและเสียงที่สมบูรณ์แบบ และหยุดเม็ดมะยมเมื่อกลไกถูกขึ้นลานจนสุด ไกชิ้นนี้มีรูปร่างเหมือนกับนกแว็กเทล ซึ่งเป็นนกที่พบเห็นได้ในโมริโอกะ เมืองที่อยู่ใกล้กับ แกรนด์ ไซโก สตูดิโอ ชิสุกุอิชิ อันเป็นสถานที่ที่นาฬิการุ่นนี้และนาฬิกาจักรกลทุกรุ่นของ Grand Seiko ถูกสร้างขึ้น ด้วยการออกแบบกลไกขึ้นใหม่ จึงสามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวคล้ายนกจิกของไกได้อย่างเพลิดเพลินผ่านฝาหลังกรุกระจกแซพไฟร์คริสตัลในระหว่างกระทำการขึ้นลานด้วยมือ เมื่อรวมเข้ากับการตกแต่งชิ้นส่วนกลไกอย่างละเอียดอ่อนซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากแม่น้ำชิสุกุอิชิแล้ว คาลิเบอร์ 9SA4 จึงไม่เพียงแต่แสดงความสามารถที่ยอดเยี่ยมที่สุดในด้านการประดิษฐ์นาฬิกาจักรกลของ Grand Seiko เท่านั้น แต่ยังรวบรวมความงดงามของสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่อยู่รายรอบสตูดิโอเอาไว้ด้วย
เข็มแสดงพลังงานสำรองบนสะพานจักรจะทำหน้าที่บอกระดับลานของนาฬิกา กลไกคาลิเบอร์นี้มีประสิทธิภาพการขึ้นลานที่สูงขึ้นกว่าเดิม อันเป็นผลมาจากการจัดเรียงขบวนเฟืองใหม่และการออกแบบชิ้นส่วนขึ้นใหม่ ทำให้คาลิเบอร์ 9SA4 สามารถสำรองพลังงานได้ถึง 80 ชั่วโมง ด้วยรอบการขึ้นลานจากการหมุนเม็ดมะยมที่น้อยลงถึง 15% เพื่อให้ได้พลังงานเท่ากัน เมื่อเทียบกับการขึ้นลานด้วยมือของคาลิเบอร์ 9SA5 และด้วยตัวเครื่องที่มีขนาดเพรียวบาง นาฬิกาจักรกลที่มีแรงบันดาลใจมาจากต้นเบิร์ชรุ่นล่าสุดนี้ จึงมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 38.6 มม. และมีความเพรียวบางเพียง 9.95 มม.เท่านั้น
นาฬิกาเดรสในดีไซน์แบบ Evolution 9 Style
คาลิเบอร์ 9SA4 ถูกเปิดตัวครั้งแรกในนาฬิกาแนวเดรสรุ่นใหม่จากคอลเลกชั่น Evolution 9 (เอโวลูชัน ไนน์) ซึ่งมีดีไซน์ที่เป็นตัวแทนของความต่อเนื่องจาก Grand Seiko Style (แกรนด์ ไซโก สไตล์) ที่สืบย้อนไปถึงรุ่น 44GS นาฬิการะดับไอคอนของ Grand Seiko จาก ค.ศ.1967 โดยครั้งนี้ ดีไซน์แบบ Evolution 9 Style ได้รับการปรับแต่งเพิ่มเติมเพื่อสร้างนาฬิกาที่แสดงถึงเสน่ห์ ความหรูหรา ความสง่างาม และความละเอียดอ่อน อันเป็นคุณลักษณะที่ผู้คนคาดหวังจะได้พบจากนาฬิกาเดรสกลไกไขลาน ได้ในทันที
หลายส่วนของดีไซน์ได้รับการทบทวนใหม่อีกครั้ง ตั้งแต่ลักษณะของเนินและแนวร่องบนหลักชั่วโมงที่ถูกออกแบบให้มีความเพรียวบางและมีความยาวมากขึ้น ไปจนถึงแนวขาตัวเรือนแบบหลายเหลี่ยมที่ถูกทำให้แคบลงและมีพื้นที่น้อยลง จุดศูนย์ถ่วงของนาฬิกาถูกทำให้ต่ำลงเพื่อเพิ่มความสบายและความมั่นคงอันเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้นาฬิกาคอลเลกชั่น Evolution 9 ของ Grand Seiko มีชื่อเสียงโด่งดัง
ตัวเรือนและตัวล็อกสายถูกทำขึ้นจาก บริลเลียนท์ ฮาร์ด ไทเทเนียม ชนิดวัสดุอันโดดเด่นของ Grand Seiko ซึ่งเป็นโลหะผสมที่มีความสว่างกว่าไทเทเนียมแบบเดิม ๆ ส่งผลให้พื้นผิวขัดเงาแบบ ซารัตสึ บนตัวเรือนดูเปล่งประกายยิ่งขึ้น นำมาซึ่งประกายแห่งคุณภาพและความงามที่คู่ควรกับนาฬิกาเดรสของ Grand Seiko อีกทั้งวัสดุ บริลเลียนท์ ฮาร์ด ไทเทเนียม ยังไม่ได้แค่ทำให้นาฬิกามีน้ำหนักเบาเท่านั้น แต่ยังทนทานต่อการกัดกร่อนและรอยขีดข่วนได้เป็นอย่างดี ในขณะที่มีระดับความแข็งเป็น 2 เท่าของวัสดุสเตนเลสสตีลระดับมาตรฐาน
หน้าปัดที่สะท้อนถึงความงดงามแห่งธรรมชาติ
หน้าปัดที่สร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่นี้ ได้รับแรงบันดาลใจจากความสูงเพรียวของต้นเบิร์ชสีขาวที่เจริญเติบโตอยู่ทางตอนเหนือของประเทศญี่ปุ่น และเป็นผืนป่าที่อยู่ใกล้กับ แกรนด์ ไซโก สตูดิโอ ชิสุกุอิชิ ลวดลายอันงดงามบนหน้าปัดเช่นนี้ สะท้อนถึงความงามของเปลือกต้นเบิร์ชด้วยพื้นผิวแบบหลายมิติที่มีความสลับซับซ้อน เมื่อผสมผสานเข้ากับดีไซน์อันงามสง่าของนาฬิกาและความเที่ยงตรงสูงของกลไก การสร้างสรรค์ครั้งใหม่นี้จึงเป็นการมอบประสบการณ์อันแสนบริสุทธิ์ของธรรมชาติแห่งกาลเวลา
รุ่น ลิมิเต็ด เอดิชั่น ในตัวเรือนทองกุหลาบ 18k - SLGW002
การสร้างสรรค์ชิ้นงาน ลิมิเต็ด เอดิชั่น ที่มากับตัวเรือนและตัวล็อกสายที่ทำขึ้นจากทองกุหลาบ 18k เช่นนี้ ถูกรวมอยู่ในคอลเลกชั่น Evolution 9 ด้วยเช่นกัน นาฬิกาเอดิชั่นนี้ใช้สีและลวดลายบนหน้าปัดเช่นเดียวกับเวอร์ชั่นตัวเรือน บริลเลียนท์ ฮาร์ด ไทเทเนียม แต่มีเครื่องหมายรูปดาวปรากฎอยู่ด้วย ซึ่งหมายถึงว่าหลักชั่วโมงนั้นถูกทำขึ้นจากทอง ส่วนตัวเรือน หลักชั่วโมง และเข็ม ต่างก็สะท้อนถึงดีไซน์แบบ Evolution 9 Style ที่ถูกออกแบบขึ้นใหม่เพื่อเพิ่มความสง่างามเช่นเดียวกับเวอร์ชั่นตัวเรือน บริลเลียนท์ ฮาร์ด ไทเทเนียม
นาฬิกาทั้งสอง จะเริ่มจำหน่ายตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2024 โดยเวอร์ชั่นทองกุหลาบ จะมีสถานะเป็นนาฬิกา ลิมิเต็ด เอดิชั่น ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 80 เรือน โดยมีจำหน่ายเฉพาะที่บูติกของ Grand Seiko เท่านั้น ส่วนเวอร์ชั่น บริลเลียนท์ ฮาร์ด ไทเทเนียม จะเข้าร่วมเป็นรูปแบบหลักในคอลเลกชั่น Evolution 9 และจะมีจำหน่ายที่บูติกของ Grand Seiko และผู้แทนจำหน่ายบางแห่งทั่วโลก
8 ต.ค. 2567
12 ต.ค. 2567
7 ต.ค. 2567
12 ต.ค. 2567