Last updated: 12 ก.ย. 2559 | 3643 จำนวนผู้เข้าชม |
Interview with Graham
Graham แบรนด์อิสระระดับสูงที่ถือกำเนิดขึ้นเพื่อตามรอย George Graham ช่างนาฬิกาชาวอังกฤษผู้เป็นบิดาแห่งศาสตร์การประดิษฐ์นาฬิการุ่นใหม่ และบิดาแห่งกลไกโครโนกราฟ เขาเป็นผู้คิดค้นอุปกรณ์สำหรับเริ่มและหยุดการจับเวลาโครโนกราฟ เอสเคปเม้นท์ทรงกระบอก และสิ่งประดิษฐ์อื่นๆ อีกมากมายซึ่งถือได้ว่าเป็นการพลิกประวัติศาสตร์ของการประดิษฐ์นาฬิกา เมื่อเราได้มีโอกาสพูดคุยกับ Mr. Eric Loth ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Graham เราจึงไม่พลาดที่จะสอบถามถึงความเป็นมาของแบรนด์
“Graham เป็นอะไรที่วิศวกรต้องรู้จัก เพราะเราทุกคนต้องเรียนเกี่ยวกับเอสเคปเม้นท์ของ Graham ดังนั้นชื่อ Graham จึงไม่ได้มีความหมายเพียงแค่แบรนด์สำหรับผม แต่ยังหมายถึงบุคคลด้วย เมื่อผมลาออกจากกลุ่ม Swatch ผมต้องการที่จะเริ่มต้นด้วยอะไรที่แตกต่าง ผมได้ค้นพบว่าจริงๆ แล้วนาฬิกาจักรกลผลิตในสวิตเซอร์แลนด์ทุกวันนี้เคยถูกผลิตขึ้นที่อังกฤษโดย George Graham ตั้งแต่ศตวรรษที่ 16-17 ซึ่งทำให้ผมทึ่งมาก และเมื่อผมได้ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องราวรวมถึงสิ่งประดิษฐ์ของเขามากขึ้น ผมจึงใช้เขาเป็นแรงบันดาลใจและตัดสินใจตั้งบริษัทเป็นแบรนด์อังกฤษในปี 1995 และเปิดตัวนาฬิกาเรือนแรกในปี 2000 ปีนี้จึงเป็นวาระครบรอบ 15 ปีของนาฬิกา Graham และครบรอบ 20 ปีของการก่อตั้งบริษัทที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก George Graham”
เมื่อเราถามถึงนาฬิการุ่นใหม่ Geo. Graham Tourbillon ที่เปิดตัวในงาน Baselworld “Geo. Graham Tourbillon เป็นนาฬิกาเรือนที่ 3 ที่เราผลิตขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ George Graham คอลเลคชั่น Geo. Graham เป็นคอลเลคชั่นที่เราผลิตขึ้นเพื่ออุทิศให้กับเขา เราจึงผลิตในจำนวนจำกัด เรือนแรกที่เราผลิตคือ The Moon ผลิตจำนวน 8 เรือน ถัดมาเป็นมาสเตอร์พีซของเรา Tourbillon Orrery ผลิตจำนวน 20 เรือน และปีนี้ Tourbillon ผลิตจำนวน 100 เรือน จริงๆ แล้ว Tourbillon ไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการอยากทำ แต่เพื่อเป็นการกระตุ้นตัวเองและผมรู้อยู่แล้วว่าผมจะต้องสร้างสรรค์ผลงานที่ยอดเยี่ยม ประกอบกับเสียงเรียกร้องจากเหล่านักสะสมที่หลงใหลในเรือนเวลาของ Graham ผมจึงตัดสินใจพัฒนากลไกตูร์บิยองที่มีความบางและแม่นยำขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับผลกระทบจากแรงโน้มถ่วง พร้อมมีศักยภาพในการสำรองพลังงานได้ 3 วัน และผมยังใช้คริสตัลแซฟไฟร์ 2 ชิ้นเพื่อที่จะทำให้ดูเหมือนว่านาฬิกานั้นลอยอยู่บนข้อมือ ผลงานชิ้นนี้จึงไม่เพียงถูกผลิตขึ้นเพื่อเป็นเกียรติกับ George Graham เท่านั้น แต่ยังอุทิศให้กับ Sir Isaac Newton นักฟิสิกส์และนักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษผู้คิดค้นกฎแห่งแรงโน้มถ่วงด้วย”
เขาได้อะไรจากการไปออกงาน Baselworld ในปีนี้ “ผมได้แง่คิด 2 ข้อจากงานนี้ อย่างแรกเลยคือไม่มีภาวะวิกฤตใดๆ ในโลกของนักสะสมเรือนเวลาระดับสูง แต่คุณต้องทำงานหนักขึ้นเพราะทุกแบรนด์ต่างก็สร้างสรรค์ผลงานที่ยอดเยี่ยม ดังนั้นคุณจึงต้องมีความแตกต่าง และนั่นเป็นเหตุผลที่เราผลิต Orrery เพราะมันเป็นเรือนเวลาเพียงหนึ่งเดียวที่ทำงานด้วยระบบพลังงานแสงอาทิตย์ถึง 2 ระบบ มันเป็นเสมือนดั่งท้องฟ้าจำลองที่แสดงให้เห็นการโคจรของพระอาทิตย์ โลก พระจันทร์ และดาวอังคาร และมันยังเป็นนาฬิกาที่มีความเที่ยงตรงสูงและไม่ต้องการการปรับตั้งใดๆ ตลอดอายุของมัน
อีกอย่างที่ผมได้จากงานคือความตึงเครียดที่มากขึ้นกว่าปีก่อนอันเป็นผลพวงมาจากความซบเซาของตลาดจีน ความผันผวนของค่าเงินสวิส และอำนาจของกลุ่มทุนขนาดใหญ่ ในฐานะที่เราเป็นแบรนด์อิสระทำให้เรามีความกดดันค่อนข้างสูง เราจึงต้องปรับตัวและสร้างเครือข่ายช่องทางการจัดจำหน่ายของเรา ซึ่งเรามีอยู่ 4 แห่งที่สหรัฐอเมริกา ฮ่องกง เยอรมนี และอังกฤษในตอนนี้ และเรายังต้องสร้างแบรนด์ควบคู่ไปด้วย มันเป็นสิ่งที่เราต้องต่อสู้เพื่ออยู่รอดและเติบโตในธุรกิจนี้ เราแค่ต้องยอมรับและเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับมัน”
เราปิดท้ายด้วยการถามถึงสิ่งที่เขาอยากฝากถึงนักสะสมในประเทศไทย “ประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดที่เราประสบความสำเร็จ ที่นี่จึงมีความสำคัญกับผมมาก เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มลูกค้าคนไทยและพวกเขาก็ให้การสนับสนุนเราอยู่เสมอ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมนาฬิกาคาร์บอนของเราเรือนแรกจึงถูกส่งมาที่นี่ ที่นี่ทำให้ผมมีความสุขและมีความทรงจำที่ดีทุกครั้งที่ผมมา และผมจะกลับมาอีกให้บ่อยที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง”
22 ก.ย. 2559
27 มี.ค. 2567
25 มี.ค. 2567
22 ต.ค. 2558