MARC A. HAYEK

Last updated: 24 พ.ย. 2568  |  256 จำนวนผู้เข้าชม  | 

MARC A. HAYEK

ชื่อของ Marc A. Hayek คือสัญลักษณ์แห่งความมุ่งมั่น ความเข้าใจในศิลปะแห่งเวลา และจิตวิญญาณของงานฝีมือที่แท้จริง ในฐานะประธานและซีอีโอแห่ง Blancpain เขาไม่เพียงสืบทอดมรดกแห่งแบรนด์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกนาฬิกา แต่ยังเติมชีวิตใหม่ให้กับมันด้วยวิสัยทัศน์ร่วมสมัยและความหลงใหลในกลไกที่ “มีจิตวิญญาณ” ผลงานอย่าง Grande Double Sonnerie คือการประกาศอย่างชัดเจนถึงปรัชญาของเขา - ความซับซ้อนไม่ใช่เพียงเรื่องของเทคนิค แต่คือการถ่ายทอดอารมณ์ ความงาม และเสียงของเวลาอย่างแท้จริง

หลังจากการเปิดตัวนาฬิกา 1735 Grande Complication ในปี 1991 อะไรคือแรงผลักดันให้ Blancpain หวนกลับมาสร้างสรรค์ผลงานที่มีความซับซ้อนระดับสูงเช่นนี้อีกครั้งในเวลานี้ และนาฬิกา Grande Double Sonnerie เรือนใหม่นี้ ถูกออกแบบขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 290 ปีของแบรนด์หรือไม่?
1735 Grand Complication เป็นนาฬิกาที่มีความหมายอย่างลึกซึ้งในประวัติศาสตร์ของเรา เพราะมันเป็นการแสดงให้เห็นว่า Blancpain สามารถรวมกลไกที่ซับซ้อนที่สุดของโลกไว้ในนาฬิกาเรือนเดียวได้ อย่างไรก็ตาม 1735 ในเวลานั้นยังไม่ใช่งานที่พัฒนาภายในโรงงานของเราเองทั้งหมด โปรเจกต์นี้ได้รับการพัฒนาโดย Dominique Loiseau ช่างนาฬิกาอัจฉริยะด้านการออกแบบกลไกซับซ้อน เขาเป็นผู้นำแนวคิดและพัฒนาเครื่องจักรภายในของเรือนนี้ให้กลายเป็นจริง แต่สำหรับ Grande Double Sonnerie เป็นสิ่งที่ทำให้ผมภาคภูมิใจที่สุด เพราะนี่คือครั้งแรกที่เราสร้างสรรค์นาฬิการะดับ Grande Complication ได้อย่างครบวงจรภายใน 100% ทุกกระบวนการ ตั้งแต่แนวคิด การออกแบบ ไปจนถึงการประกอบและตกแต่ง โดยทีมช่างของ Blancpain เองทั้งหมด

ทุกวันนี้ แบรนด์นาฬิกาหลายแห่งมักร่วมมือกับช่างนาฬิกาอิสระ ซึ่งผมเองก็ชื่นชมและมีเพื่อนมากมายในกลุ่มนั้น แต่สิ่งที่ทำให้ Blancpain พิเศษคือ เรามีศักยภาพในทีมที่จะสร้างทุกอย่างด้วยตนเอง และผมคิดว่านี่แหละครับ คือส่วนที่สนุกและน่าตื่นเต้นที่สุดของการทำงาน เพราะเราอยู่ในจุดเริ่มต้นของทุกสิ่งอย่างแท้จริง เริ่มจากแนวคิดและจินตนาการ แล้วค่อยๆ สร้างให้มันเป็นจริงขึ้นมา ทุกสิ่งที่คุณเห็นในวันนี้ ทีมงานทั้งหมดที่อยู่เบื้องหลังความคิด ความสามารถ และบุคลิกเฉพาะตัวของแต่ละคน ทุกอย่างอยู่ในผลงานนี้ และนี่ไม่ใช่ผลงานของใครคนใดคนหนึ่งเลยครับ แต่คือพลังร่วมของทีมทั้งหมด และเราต้องการแสดงให้เห็นว่า Blancpain สามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้ด้วยตัวเองอย่างแท้จริง

การที่ผลงานนี้เปิดตัวในปีครบรอบ 290 ปี พูดตรงๆ ว่าถือเป็นเรื่อง บังเอิญที่งดงาม มากกว่าการวางแผนไว้ล่วงหน้า เราไม่ได้ตั้งใจให้มันตรงกับปีนี้ แต่เมื่อทุกอย่างพร้อม มันก็เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ และตอนนี้เรากำลังทำงานในโครงการที่พิเศษยิ่งกว่าสำหรับวาระครบรอบ 300 ปีของแบรนด์ เพราะสำหรับผม นั่นคือ รอบเวลาที่สมบูรณ์แบบที่สุด มันคือโอกาสสำคัญที่ต้องให้ผลงานออกมาใน “ปีที่ใช่” เท่านั้น และเรากำลังทุ่มเททุกอย่างเพื่อให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นจริงในเวลาที่เหมาะสมที่สุด

นาฬิกา 1735 Grand Complication มีหลายกลไกระดับสูงรวมอยู่ในเรือนเดียวคือ Tourbillon, Repeater, Perpetual Calendar และ Chronograph ขณะที่ Grande Double Sonnerie มีเพียงสามคอมพลิเคชันหลัก แต่กลับถูกยกย่องว่าเป็น “นาฬิกาที่ซับซ้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Blancpain” ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?
Grande Double Sonnerie เป็นนาฬิกาซับซ้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ของเรา ใช่ครับ! เพราะในโลกของนาฬิกาชั้นสูง กลไก Grande Sonnerie ถือเป็น “สุดยอดของความซับซ้อน” อยู่แล้ว มันซับซ้อนกว่ากลไกอื่นใดโดยตัวมันเอง และเมื่อเราพูดถึง Double Grande Sonnerie ความซับซ้อนนั้นจะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า เพราะมันไม่เคยถูกสร้างขึ้นจริงมาก่อนในรูปแบบนี้เลย มันเป็นกลไกที่ทั้งบอกเวลาอัตโนมัติด้วยเสียงระฆังที่เหมือนกับระฆังในหอนาฬิกา และยังสามารถสั่งตีตามต้องการได้ โดยต้องทำงานร่วมกับระบบพลังงานกลไก ความปลอดภัย และส่วนแสดงเวลาอย่างแม่นยำในทุกระดับ และด้วยเหตุนี้เอง ผมจึงไม่ต้องการเพิ่มกลไกซับซ้อนอื่นเข้าไปอีก เพราะในหลายปีที่ผ่านมา เราเห็นการแข่งขันในวงการนาฬิกาว่าใครจะมีคอมพลิเคชันมากกว่า บางคนมีหก มีเจ็ด มีสิบสอง แล้วก็เริ่มนับกันว่าใคร “เยอะกว่า” เหมือนการแข่งขันสะสมตัวเลข

แต่คำถามคือ… แล้วความหมายของมันอยู่ตรงไหน?
ทำไมเราต้องเพิ่มเพียงเพื่อให้ “มีมากขึ้นกว่าอีกหนึ่ง”?
สำหรับผม การมองนาฬิกาซับซ้อนจาก “จำนวนประเภทของกลไก” เป็นแค่มุมมองด้านเดียว เพราะนั่นคือการรวมสิ่งต่างๆ เข้าด้วยกันโดยไม่ได้มองความสมบูรณ์ของกลไกทั้งหมดในภาพรวม ในกรณีของ Grande Double Sonnerie ความซับซ้อนอยู่ที่ระบบกลไกโดยรวมที่ต้องทำงานร่วมกันอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งนี่คือชุดกลไกที่ซับซ้อนที่สุดเท่าที่ Blancpain เคยสร้างมา และที่สำคัญคือเราพัฒนาและผลิตขึ้นภายในโรงงานของเราเองทั้งหมด 100% เพราะฉะนั้น เราถึงกล้าพูดได้เต็มภาคภูมิใจว่านี่คือ “นาฬิกาที่ซับซ้อนที่สุดเท่าที่เราเคยผลิตและพัฒนา” ไม่ใช่เพราะมันมีความซับซ้อนของกลไกมากกว่า แต่เพราะมันยากที่สุดในเชิงการออกแบบ วิศวกรรม และการประกอบ

และ Grande Double Sonnerie ก็ไม่ใช่นาฬิกาที่มี “จำนวนชิ้นส่วนกลไกมากที่สุด” ด้วย?
ไม่เลยครับ และจริงๆ แล้ว มันไม่เคยเป็น “เป้าหมาย” ของเราเลยตั้งแต่แรก เรามีความตั้งใจชัดเจนว่าการสร้างผลงานครั้งนี้ ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อทำ “สถิติ” หรือ “สร้างสถิติใหม่” ใดๆ ทั้งสิ้น เพราะถ้าเราทำเพียงเพื่อเป็น “ที่หนึ่งในตัวเลข” ไม่ว่าจะเป็นจำนวนกลไก หรือจำนวนชิ้นส่วน เราจะหลงทางจากสิ่งที่เป็นหัวใจของ Blancpain ทันที ดังนั้น ด้วยการออกแบบเช่นนี้ Grande Double Sonnerie จึงมีชิ้นส่วนจำนวนที่ละเอียดอ่อนมาก ไม่ใช่เพราะจำนวนชิ้นส่วนกลไกที่มาก แต่เพราะจำนวนชิ้นส่วนที่ต้องทำงานสัมพันธ์กันในระบบเดียว สำหรับผม มันคือ “นาฬิกาที่ซับซ้อนที่สุดในตัวมันเอง” แม้มันจะไม่ใช่ “นาฬิกาที่มีกลไกซับซ้อนมากที่สุด” ก็ตาม


จุดเริ่มต้นของแนวความคิดที่จะใส่ “สองท่วงทำนอง” ลงในนาฬิกาเรือนเดียวมาจากอะไร?
มีหลายเหตุผลครับ ผมอยากทำ Grande Sonnerie มานานมากแล้ว เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมา Blancpain ได้สร้างสรรค์กลไกซับซ้อนแทบทุกประเภทที่เป็นที่รู้จักกันในโลกของการทำนาฬิกา ไม่ว่าจะเป็นทูร์บิญอง ปฏิทินร้อยปี หรือโครโนกราฟ แต่สิ่งที่เรายังไม่ค่อยได้ทำเลยก็คือ Grande Sonnerie ผมมองว่าในวงการมี Grande Sonnerie ที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้วบางรุ่น มีไม่กี่แบรนด์ที่ทำได้ดีมาก จึงยังมีพื้นที่ให้พัฒนาอยู่ อย่างไรก็ตาม ผมไม่อยากเข้าไปอยู่ในการแข่งขันของการสะสมกลไกซับซ้อน เหมือนที่แต่ละแบรนด์พยายามใส่กลไกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนบางครั้งนาฬิกากลายเป็นสิ่งที่ไม่ใช่นาฬิกาอีกต่อไป

เราจำเป็นต้องหาทางเลือกอื่น กับบางสิ่งที่ยังคงมีความหมาย มีเหตุผล และอยู่ในแก่นแท้ของสิ่งที่เป็น Grande Sonnerie จึงเป็นเรื่องของตรรกะต่อเนื่องจากโครงการอื่นๆ ที่ผมเคยมีส่วนร่วม รวมถึงงานบางอย่างที่เคยเห็นมาแล้ว ผมรู้ว่ามีโครงการบางชิ้นที่พยายามพัฒนา Sonnerie ที่มีสองท่วงทำนอง แต่ไม่มีโครงการไหนเลยที่สำเร็จจริง ไม่มีเรือนใดที่ออกมาเป็นผลงานที่ใช้งานได้จริง ผมจึงคิดว่า “เราน่าจะทำได้!” เราควรสร้างนาฬิกาที่มีสองท่วงทำนองตีบอกเวลาในเรือนเดียว เพราะมันไม่ใช่การเพิ่มความซับซ้อนให้เยอะขึ้นเรื่อยๆ แต่เป็นการเพิ่ม “มิติของเสียง” ซึ่งเป็นอีกภาษาหนึ่งของเวลา สำหรับผม นั่นคือสิ่งที่ Blancpain ควรจะทำ ไม่ใช่การเพิ่มจำนวน แต่เป็นการเพิ่มความลึกทางศิลปะ

ส่วนกลไก Perpetual Calendar ที่เราเห็นในผลงานรุ่นนี้ ความจริงแล้วไม่ได้อยู่ในแผนตั้งแต่แรกเลย มันถูกเพิ่มเข้ามาทีหลัง เพราะเมื่อเราออกแบบกลไกหลักเสร็จ เราพบว่ายังมีพื้นที่เหลือพอในตัวเครื่องกลไก เราเลยคิดว่า “ถ้าอย่างนั้นใส่ปฏิทินเข้าไปด้วยดีกว่า” และส่วนตัวผมเอง นอกจาก “เวลา” แล้ว สิ่งที่ผมต้องการที่สุดในนาฬิกาก็คือ “วันที่” เพราะผมมักจะลืมวันที่อยู่เสมอ (หัวเราะ) ดังนั้น สำหรับผม ปฏิทินจึงเป็นสิ่งจำเป็นพอๆ กับเวลา

คุณเป็นผู้ฟังและอนุมัติเสียงของนาฬิกา Grande Double Sonnerie แต่ละเรือนด้วยตัวคุณเอง ก่อนที่นาฬิกาจะออกจากโรงงานใช่ไหม?
ใช่ครับ ตอนนี้เรามีอยู่สองเรือน หนึ่งเรือนจะถูกขาย ส่วนอีกเรือนจะอยู่กับเรา ซึ่งจะกลายเป็นเรือนแรกของ Grande Double Sonnerie ที่เราจะเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ของ Blancpain และใช้เป็นต้นแบบสำหรับการทำงานร่วมกับลูกค้าในอนาคต ซึ่งในอนาคต ความตั้งใจของเราคือจะสร้างนาฬิกาแบบนี้ร่วมกับลูกค้าโดยตรงหมายถึงว่าลูกค้าจะมีส่วนร่วมในกระบวนการสร้างจริงๆ ตั้งแต่การออกแบบเสียง การเลือกวัสดุ ไปจนถึงการตั้งค่าเสียงสุดท้าย และในสุดท้าย ก่อนที่นาฬิกาจะส่งมอบ เราคือ ทั้งผมและลูกค้า จะต้องมานั่งฟังเสียงของมันด้วยกัน เพื่อให้แน่ใจว่าเสียงนั้นสมบูรณ์ที่สุดในแบบที่ควรจะเป็น แต่สำหรับตอนนี้ ผมจะฟังทุกเรือนด้วยตัวเองแน่นอนก่อนที่มันจะออกจากโรงงาน

แล้วคุณจะเก็บเรือนไหนระหว่างตัวเรือน เรดโกลด์ หรือ ไวท์โกลด์?
ผมคิดว่าเรือนที่จะเก็บไว้ คือเรือนที่ทำด้วยไวท์โกลด์ ผมชอบไวท์โกลด์มากกว่า แต่ทั้งสองวัสดุต่างให้เสียงที่ไพเราะเหมือนกัน

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

MUNEHISA SHIBASAKI

24 พ.ย. 2568

RAYMOND LORETAN

24 พ.ย. 2568

TINO BOBE

24 พ.ย. 2568

MARC MICHEL-AMADRY

24 พ.ย. 2568

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้